ประธาน ส.แบงก์ เผย กกร. ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะโตได้ 1.5-2.0% เนื่องจากคาดว่า การส่งออกในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 1.2% เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 5% ประกอบกับการบริโภคในประเทศที่แม้จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังเป็นเพียงการบริโภคสินค้าที่ไม่คงทน ขณะที่การลงทุนยังไม่มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้มากนัก พร้อมให้คะแนนผ่าน ครม.ใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ แม้จะมีทหารเข้ามานั่งด้วย
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ราว 1.5-2.0% เนื่องจากคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 1.2% เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 5% ประกอบกับการบริโภคในประเทศที่แม้จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังเป็นเพียงการบริโภคสินค้าที่ไม่คงทน ขณะที่การลงทุนยังไม่มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้มากนัก
อย่างไรก็ดี มองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3 เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ในช่วงนี้กำลังจะมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ จากที่เศรษฐกิจไทยต้องอยู่ในภาวะที่อ่อนแอมาตลอดในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ กกร.มองว่า การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ จะเป็นโจทย์หลักด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องเร่งดำเนินการผลักดันให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจปี 58 เติบโตได้เต็มศักยภาพต่อไป โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีโอกาสขยายตัวได้ในระดับ 4.0-4.5%
สำหรับปัจจัยสำคัญที่มองว่า รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเร่งขับเคลื่อนก่อนเป็นลำดับแรกๆ คือ การขับเคลื่อนการลงทุนของภาครัฐ เพราะสิ่งนี้จะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังต้องมีการแก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อทำให้การประกอบธุรกิจมีความสะดวกคล่องตัว ช่วยส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และการปล่อยให้กลไกตลาดสามารถแข่งขันได้อย่างเสรี
ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่า ในอดีตที่ผ่านมา ภาคการเมืองและส่วนราชการจะทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดบทบาททิศทางการลงทุน ตลอดจนการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้น จึงต้องการฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า ขอให้ภาคเอกชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดบทบาท และทิศทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุนของประเทศมากขึ้น
ขณะที่ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สิ่งที่ต้องการเห็นคือ การที่ภาครัฐเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีความคล่องตัว แทนที่จะเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ ขณะเดียวกัน ในเรื่องของราคาสินค้านั้นควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนในเรื่องลอจิสติกส์ เพราะถือเป็นต้นทุนสำคัญหนึ่งในการประกอบธุรกิจ และมีผลต่อราคาสินค้า
สำหรับภาพรวมหน้าตา ครม.ชุดใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น ประธาน กกร.มองว่า โดยภาพรวมแล้วถือว่า ครม.ชุดนี้ใช้ได้ โดยเฉพาะ ครม.ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งในแต่ละกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญนั้น มีรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเติบโตมาจากหน่วยงานด้านนั้นโดยตรง และไม่รู้สึกกังวลที่คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะมีนายทหารระดับสูงหลายคนเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรี เพราะการบริหารงานของ คสช.ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มีส่วนช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นแก่ทั้งผู้บริโภค และนักลงทุน