รองผู้จัดการตลาดหุ้นไทย คาดผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2558 จะดีกว่าเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 แม้ว่า 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีจะโดนพิษเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศ แต่เชื่อมั่นว่ากำไรจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยทั้งปีจะไม่น้อยกว่า 7 แสนล้านบาท
นายสันติ กีระนันท์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด และดูแลสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.กล่าวว่า คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาสที่ 4/2558 และผลประกอบการงวดบัญชีปี 2558 จะเริ่มประกาศได้ทั้งหมดภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม 2559 นี้ ซึ่งประมาณการว่าผลประกอบการของทั้งปี 2558 จะดีกว่าปี 2557 เนื่องจากว่าในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 ยังไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจที่เข้ามากระทบมากนัก ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 มีผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FOMC และการปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเข้ามา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และผลประกอบการบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าผลประกอบการทั้งรายได้ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยทั้งปี 2558 จะดีกว่าปี 2557 อย่างมีนัยสำคัญ
“บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ของไทยมีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศในหลายภูมิภาค ซึ่งถือว่าช่วยกระจายความเสี่ยงจากผลกระทบของปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวลง สำหรับบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบภายในประเทศ คาดว่าจะถึงจุดต่ำสุด และอย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะสามารถดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้ภายในไตรมาสที่ 1/2559 ซึ่งจะช่วยผลักดันการบริโภคภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น และดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ ซึ่งคาดว่าความผันผวนของเศรษฐกิจภายในประเทศถึงจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาโดยจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้”
ทั้งนี้ สิ่งที่จะต้องพิจารณาคือ ผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2558 ของบริษัทจดทะเบียนจะต้องไม่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท (เทียบกับปี 2557) ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยทั้งปี 2558 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 7 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอดูดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนที่เริ่มจะเห็นแนวโน้มการปรับขึ้นของ SET Index บ้างแล้ว โดยส่วนหนึ่งเริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุน ขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังคงรอดูทิศทางของตลาดเพื่อรอเข้าลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม