แอสเซท ไบร์ท แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ยิบเหตุผลงานไตรมาส 2 ปีนี้วูบ เพราะตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว พร้อมการปรับธุรกิจสู่อสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายพุ่ง หวังให้มีรายได้เข้ามารวดเร็ว ขณะขายที่ดินที่ไม่ใช้ประโยชน์นำเงินชำระคืนกรรมการบริษัท เผยอยู่ระหว่างลุยธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เตรียมทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน www.abcpoint.com 16 ก.ย. 2557 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน
นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC แจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทฯ ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 นั้น 1. เหตุที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือนปี 2557 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสําคัญหากไม่รวมรายการกําไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย จะส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 43.35 และ 10.71 ล้านบาท ตามลําดับ
เนื่องจากในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงทำธุรกิจด้านสิ่งทอ โดยมีรายได้หลักจากการผลิตถุงเท้า ขณะปี 2557 หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าว และเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค.56 ดังนั้น โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปี 2557 จึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แหล่งเดียว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่แน่นอนจึงส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น ยอดขายของบริษัทฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจึงลดลง
2. กรณีอธิบายลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันให้ชัดเจน โดยกล่าวถึงลําดับเหตุการณ์ที่สําคัญที่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะที่ผ่านมา ลักษณะการดําเนินธุรกิจในปัจจุบัน ข้อมูลโครงการ มูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในการดําเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจาก บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงเท้า บริษัทฯ มีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการผลิต และค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันรุนแรง ส่งผลให้บริษัทฯ หยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่ 25 ธ.ค.2555 และประกาศเลิกจ้างพนักงานตั้งแต่ 31 ม.ค.2556 ต่อมา นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งสิ้น 9,031,057 หุ้น ในราคาหุ้นละ 19.40 บาท (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) หรือ 68.57% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ และนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-5 พ.ย.2556 ราคาหุ้นละ 19.40 บาท เป็นผลให้นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 11,541,640 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) คิดเป็น 87.64% ต่อมา นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-8 ก.ค.2557 จำนวน 10,465,900 หุ้น ในราคาเฉลี่ยระหว่าง 3.84-18.98 บาทต่อหุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น)
ปัจจุบัน นายปรเมษฐ์ ได้ถือหุ้นบริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 104,950,500 หุ้น หรือ 79.69% ของบริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ จากเดิมประกอบธุรกิจสิ่งทอมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการอาคารชุดบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ ตั้งอยู่ซอยประเสริฐมนูญกิจ 33 ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม 19 ยูนิต มูลค่ารวม 29.23 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาในระยะสั้น และระยะกลาง ส่งผลให้บริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้เมื่อมีการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้โอนห้องชุดให้แก่ลูกค้าแล้วทั้งหมด 7 ยูนิต มูลค่า 18 ล้านบาท และที่รอโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้ออีก 5 ยูนิต โดยคาดว่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ภายในปี 2557 คงเหลือที่อยู่ระหว่างการจำหน่าย 7 ยูนิต คาดว่าจะจำหน่ายได้หมดภายในปี 2557 และยังลงทุนซื้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญนคร 15A 9 ยูนิต เมื่อ พ.ศ.2557 มูลค่า 104.66 ล้านบาท และได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าแล้ว 1 ยูนิต ในราคา 13 ล้านบาท คงเหลือ 8 ยูนิต และคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้หมดภายในปี 2558 และยังอยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเปิดธุรกิจใหม่ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557
3. ที่มาของรายการกําไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36 ล้านบาท โดยกล่าวถึงลักษณะรายการข้อมูลของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย ชื่อผู้ซื้อ มูลค่าสินทรัพย์ เกณฑ์การกําหนดราคา เหตุผลที่ขาย และวันที่ขายสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทชี้แจงว่า มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ ได้ทำการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงงาน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 7 ซอยลาดปลาเค้า 71 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 16-1-17 ไร่ มูลค่า 220 ล้านบาท ให้แก่บริษัท บีเอ็นซีเรียลเอสเตท จำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 โดยบริษัทฯ กำหนดราคาจากการเจรจาต่อรองกับผู้ซื้อซึ่งอ้างอิงจากราคาประเมินจากผู้ประเมินราคาอิสระ 3 รายการ ขายสินทรัพย์ดังกล่าวเนื่องจากเนื่องจากบริษัทฯ เลิกผลิตสินค้าตั้งแต่ปี 56 จึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว บริษัทฯ ได้นำเงินจากการจำหน่ายทรัพย์สินไปชำระหนี้สถาบันการเงิน 30 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมกรรมการ 33 ล้านบาท ซึ้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา 105 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน และได้รับมติอนุมัติให้ทำรายการจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 51 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.57
4. คืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตามที่บริษัทเปิดเผยไว้ในงบการเงิน และวันที่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว โดยบริษัทฯ ได้แถลงเกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้น ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 ส.ค.57 ที่โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยท์ และได้มีการให้ข่าวเกี่ยวกับแนวคิดทางธุรกิจในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ ทันหุ้น และโพสต์ทูเดย์ ในสัปดาห์ต่อมา โดยรูปแบบของธุรกิจจะเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่สามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ มารวมกันในบัตร abcpoint ที่เดียวเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าและบริการ เช่น บัตรชมคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน สินค้า IT และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยทำรายการผ่าน www.abcpoint.com โดยมีจุดเด่นที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้บริโภคในการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการเมื่อลูกค้าได้ทำการโอนคะแนนบัตรเครดิตมาที่บริษัทฯ และบริษัทฯ จะรับรู้รายได้ต่อเมื่อลูกค้าใช้คะแนนของบริษัทฯ แลกซื้อสินค้า และบริการต่อไป ในระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการพัฒนาความพร้อมของการดำเนินงานทางด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ความพร้อมทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทได้ทำการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ความพร้อมทางการรวมกลุ่มพันธมิตรบัตรเครดิต บริษัทได้ดำเนินการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)ได้ให้ความร่วมมือกับทางบริษัท ส่วนธนาคารอื่นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
- ความพร้อมทางการตลาด บริษัทฯ ได้ติดต่อกับผู้ประกอบการสินค้า และบริการต่างๆ รวมถึงความพร้อมในการทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน www.abcpoint.com ในวันที่ 16 ก.ย.57 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน
5. อธิบายเหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในงบการเงินงวด 6 เดือนปี 57 ถึง 15.62 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 9.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.80% ขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจาก 55.63 ล้านบาท เหลือเพียง 7.05 ล้านบาทหรือลดลง 87.33%
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับงวด 6 เดือน ของปี 57 สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้น 63.80% ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 87.33% ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจจากสิ่งทอเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากการที่บริษัทฯ จัดโครงสร้างองค์กร และแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาหลายด้านโดยเฉพาะที่ปรึกษาทางการเงิน เช่นที่ปรึกษาการเงินอิสระในการให้ความเห็นของการได้มา หรือจำหน่ายไปของสินทรัพย์ และที่ปรึกษาด้านการตลาดเพื่อทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสารสนเทศในขณะที่รายได้จากการขายซึ่งมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มดำเนินการได้เมื่อปลายปี 56 และบริษัทฯ ได้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มในเดือนพฤษภาคม 57 ทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตไม่มากในงวด 6 เดือนแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ กำลังดำเนินการด้านการตลาดเพื่อเร่งยอดขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC แจ้งว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทฯ ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 นั้น 1. เหตุที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือนปี 2557 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสําคัญหากไม่รวมรายการกําไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย จะส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 43.35 และ 10.71 ล้านบาท ตามลําดับ
เนื่องจากในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงทำธุรกิจด้านสิ่งทอ โดยมีรายได้หลักจากการผลิตถุงเท้า ขณะปี 2557 หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าว และเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค.56 ดังนั้น โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปี 2557 จึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แหล่งเดียว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่แน่นอนจึงส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น ยอดขายของบริษัทฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจึงลดลง
2. กรณีอธิบายลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันให้ชัดเจน โดยกล่าวถึงลําดับเหตุการณ์ที่สําคัญที่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะที่ผ่านมา ลักษณะการดําเนินธุรกิจในปัจจุบัน ข้อมูลโครงการ มูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในการดําเนินโครงการดังกล่าว เนื่องจาก บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงเท้า บริษัทฯ มีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการผลิต และค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันรุนแรง ส่งผลให้บริษัทฯ หยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่ 25 ธ.ค.2555 และประกาศเลิกจ้างพนักงานตั้งแต่ 31 ม.ค.2556 ต่อมา นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งสิ้น 9,031,057 หุ้น ในราคาหุ้นละ 19.40 บาท (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) หรือ 68.57% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ และนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-5 พ.ย.2556 ราคาหุ้นละ 19.40 บาท เป็นผลให้นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 11,541,640 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) คิดเป็น 87.64% ต่อมา นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-8 ก.ค.2557 จำนวน 10,465,900 หุ้น ในราคาเฉลี่ยระหว่าง 3.84-18.98 บาทต่อหุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น)
ปัจจุบัน นายปรเมษฐ์ ได้ถือหุ้นบริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 104,950,500 หุ้น หรือ 79.69% ของบริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ จากเดิมประกอบธุรกิจสิ่งทอมาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการอาคารชุดบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ ตั้งอยู่ซอยประเสริฐมนูญกิจ 33 ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม 19 ยูนิต มูลค่ารวม 29.23 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาในระยะสั้น และระยะกลาง ส่งผลให้บริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้เมื่อมีการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้โอนห้องชุดให้แก่ลูกค้าแล้วทั้งหมด 7 ยูนิต มูลค่า 18 ล้านบาท และที่รอโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้ออีก 5 ยูนิต โดยคาดว่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ภายในปี 2557 คงเหลือที่อยู่ระหว่างการจำหน่าย 7 ยูนิต คาดว่าจะจำหน่ายได้หมดภายในปี 2557 และยังลงทุนซื้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญนคร 15A 9 ยูนิต เมื่อ พ.ศ.2557 มูลค่า 104.66 ล้านบาท และได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าแล้ว 1 ยูนิต ในราคา 13 ล้านบาท คงเหลือ 8 ยูนิต และคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้หมดภายในปี 2558 และยังอยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเปิดธุรกิจใหม่ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557
3. ที่มาของรายการกําไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36 ล้านบาท โดยกล่าวถึงลักษณะรายการข้อมูลของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย ชื่อผู้ซื้อ มูลค่าสินทรัพย์ เกณฑ์การกําหนดราคา เหตุผลที่ขาย และวันที่ขายสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทชี้แจงว่า มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย 201.36 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ ได้ทำการขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงงาน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 7 ซอยลาดปลาเค้า 71 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 16-1-17 ไร่ มูลค่า 220 ล้านบาท ให้แก่บริษัท บีเอ็นซีเรียลเอสเตท จำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 โดยบริษัทฯ กำหนดราคาจากการเจรจาต่อรองกับผู้ซื้อซึ่งอ้างอิงจากราคาประเมินจากผู้ประเมินราคาอิสระ 3 รายการ ขายสินทรัพย์ดังกล่าวเนื่องจากเนื่องจากบริษัทฯ เลิกผลิตสินค้าตั้งแต่ปี 56 จึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว บริษัทฯ ได้นำเงินจากการจำหน่ายทรัพย์สินไปชำระหนี้สถาบันการเงิน 30 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมกรรมการ 33 ล้านบาท ซึ้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา 105 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน และได้รับมติอนุมัติให้ทำรายการจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 51 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.57
4. คืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตามที่บริษัทเปิดเผยไว้ในงบการเงิน และวันที่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว โดยบริษัทฯ ได้แถลงเกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้น ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 ส.ค.57 ที่โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยท์ และได้มีการให้ข่าวเกี่ยวกับแนวคิดทางธุรกิจในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ ทันหุ้น และโพสต์ทูเดย์ ในสัปดาห์ต่อมา โดยรูปแบบของธุรกิจจะเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่สามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ มารวมกันในบัตร abcpoint ที่เดียวเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าและบริการ เช่น บัตรชมคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน สินค้า IT และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยทำรายการผ่าน www.abcpoint.com โดยมีจุดเด่นที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้บริโภคในการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการเมื่อลูกค้าได้ทำการโอนคะแนนบัตรเครดิตมาที่บริษัทฯ และบริษัทฯ จะรับรู้รายได้ต่อเมื่อลูกค้าใช้คะแนนของบริษัทฯ แลกซื้อสินค้า และบริการต่อไป ในระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการพัฒนาความพร้อมของการดำเนินงานทางด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ความพร้อมทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทได้ทำการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ความพร้อมทางการรวมกลุ่มพันธมิตรบัตรเครดิต บริษัทได้ดำเนินการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)ได้ให้ความร่วมมือกับทางบริษัท ส่วนธนาคารอื่นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
- ความพร้อมทางการตลาด บริษัทฯ ได้ติดต่อกับผู้ประกอบการสินค้า และบริการต่างๆ รวมถึงความพร้อมในการทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน www.abcpoint.com ในวันที่ 16 ก.ย.57 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน
5. อธิบายเหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในงบการเงินงวด 6 เดือนปี 57 ถึง 15.62 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 9.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.80% ขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจาก 55.63 ล้านบาท เหลือเพียง 7.05 ล้านบาทหรือลดลง 87.33%
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับงวด 6 เดือน ของปี 57 สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้น 63.80% ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 87.33% ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจจากสิ่งทอเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากการที่บริษัทฯ จัดโครงสร้างองค์กร และแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาหลายด้านโดยเฉพาะที่ปรึกษาทางการเงิน เช่นที่ปรึกษาการเงินอิสระในการให้ความเห็นของการได้มา หรือจำหน่ายไปของสินทรัพย์ และที่ปรึกษาด้านการตลาดเพื่อทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสารสนเทศในขณะที่รายได้จากการขายซึ่งมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มดำเนินการได้เมื่อปลายปี 56 และบริษัทฯ ได้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มในเดือนพฤษภาคม 57 ทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตไม่มากในงวด 6 เดือนแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ กำลังดำเนินการด้านการตลาดเพื่อเร่งยอดขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป