ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดสินเชื่อไตรมาส 3 ปีนี้ มีโอกาสฟื้นตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการสินเชื่อของเอสเอ็มอี ท่ามกลางการฟื้นตัวขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเพื่อเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่ความต้องการสินเชื่อของลูกค้ารายย่อย คาดว่าจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นำโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัย
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของไตรมาส 3/2557 ภาพรวมสินเชื่อธนาคารพาณิชย์น่าจะพลิกกลับมาเติบโตได้เมื่อเทียบเดือนต่อเดือนตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/2557 แม้ว่าอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอาจจะไม่ได้ขยับเพิ่มขึ้นจากระดับร้อยละ 5.75 ในเดือนมิถุนายน 2557 มากนัก
สำหรับแรงขับเคลื่อนสินเชื่อหลักคงมาจากลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่น่าจะมีความต้องการเบิกใช้สินเชื่อมากขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวขึ้นของอุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเพื่อเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่ความต้องการสินเชื่อของลูกค้ารายย่อยคาดว่า จะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นำโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นหลัก
ส่วนด้านเงินฝากนั้น คาดว่า น่าจะยังเห็นธนาคารพาณิชย์ออกแคมเปญเงินฝาก ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนจูงใจ เพื่อรักษาฐานลูกค้าและกักตุนสภาพคล่องไว้กับธนาคาร จากการเติบโตของสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้วน่าจะช่วยหนุนให้สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงไตรมาส 3 นี้อาจมีระดับค่อนข้างทรงตัวหรือไม่เปลี่ยนแปลงมาก เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 2/2557
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังเปิดเผยถึงข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2557 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่า ยอดเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สุทธิของ 14 ธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2557 มีจำนวน 9.59 ล้านล้านบาท ลดลง 25,700 ล้านบาท จากยอดคงค้างที่ 9.62 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 กดดันให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังคงชะลอลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 6.38 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 มาอยู่ที่ร้อยละ 5.75 ในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2557
ทั้งนี้ ยอดเงินให้สินเชื่อที่หดตัวลงในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คาดว่าได้รับแรงกดดันจากปัจจัยด้านฤดูกาลชำระคืนสินเชื่อของภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก ผนวกกับการระมัดระวังการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนในจังหวะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ นอกจากนี้ คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังคงหดตัวต่อเนื่องตามการชำระหนี้คืนของลูกค้ารายย่อย หลังการส่งมอบรถตามโครงการรถยนต์คันแรกทยอยเสร็จสิ้นลง
ด้านยอดเงินฝากมีจำนวน 10.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 55,400 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับการทยอยออกแคมเปญเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (ซึ่งมีตั๋วแลกเงินเป็นหนึ่งในองค์ประกอบ) อยู่ที่ระดับ 805,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,000 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า จากการออกหุ้นกู้ในบางธนาคาร ทำให้เมื่อรวมเงินฝากกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืมแล้ว พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 11.09 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 59,400 ล้านบาท จากระดับ 11.03 ล้านล้านบาท ในเดือนก่อนหน้า หรือเติบโตร้อยละ 5.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 5.27 ณ สิ้นเดือนก่อนหน้า