บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ฟุ้งกำไรครึ่งปีแรกฟื้นหลัง คสช.เข้ามาบริหารประเทศ พลิกความเชื่อมั่นเป็นบวก ฟันกำไรกว่า 979 ล้านบาท แย้มครึ่งปีหลังอัดงบ 400 ล้านบาท จัดแคมเปญโปรโมชันผ่านโซเชียลกระตุ้นยอดขาย พร้อมทุ่มงบ 6,500 ล้านบาท จ่อเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 6 สาขาทั้งในและต่างประเทศ
นายอลัน ทอมสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน หรือ ROBIN กล่าวว่าในครึ่งปีแรก 2557 บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจชะลอการใช้จ่าย แต่หลังจากที่ คสช.เข้ามาบริหารในช่วงไตรมาสที่ 2 ทำให้สถานการณ์เริ่มมีความผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจ และดัชนีผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนในทุกระดับจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้กลับขึ้นมาที่ 11,441ล้านบาท และกำไรกว่า 979 ล้านบาท
“ไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงโลว์ซีซันที่สุดของปี แต่แนวโน้มของตลาดปัจจุบันเริ่มขยับตัวสดใสขึ้น และบริษัทฯ มั่นใจว่า จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน เพราะมีเทศกาลต่างๆ มากมาย และเป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนและชอปปิ้งเป็นจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่า ทิศทางการตลาดจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยภาวะการแข่งขันยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากผู้ประกอบการค้าปลีกต่างๆ ได้งัดกลยุทธ์ทุกรูปแบบเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งบริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับกำลังซื้อที่หดตัวในปัจจุบัน โดยเตรียมอนุมัติงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการขายใน 6 แคมเปญ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ และบัตรสมาชิก The 1 Card เพื่อให้เข้ากับกำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้แตกต่างกัน ซึ่งจะเน้นลูกค้าที่มีความคล่องตัวสูง จับจ่ายง่าย และทำกำไรจากยอดสินค้าที่มีความถี่มาก เช่นเครื่องสำอางค์ รองเท้า และสินค้าฟุ่มเฟือย
ขณะที่ด้านการลงทุนขยายสาขาเพิ่มนั้น บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนในการขยายสาขาใหม่จำนวน 5,600 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทได้เปิดสาขาในต่างประเทศไปแล้ว 1 สาขา ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งในครึ่งปีหลังบริษัทจะเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 6 สาขา ในรูปแบบไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ซึ่งเป็นสาขาภายในประเทศ 5 สาขา คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา, ร้อยเอ็ด, สมุทรปราการ, ปราจีนบุรี, มุกดาหาร และอีก 1 สาขา ที่เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม