“มาสเตอร์ แอด” แตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.10 บาทต่อหุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เพียงพอต่อความต้องการผู้ถือหุ้น และออกวอแรนต์ อายุ 3 ปี จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนต์ เพื่อนำไปใช้ซื้อหุ้นสามัญในราคา 2 บาทต่อหุ้น เตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 กันยายนนี้ พร้อมกันนี้ ยังอนุมัติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ ด้านผู้บริหารมองแนวโน้มอุตสาหกรรมครึ่งปีหลังสดใส รับการเมืองนิ่ง ลูกค้าแห่ใช้งบโฆษณาดันรายได้เพิ่ม ลุยเพิ่มพื้นที่สื่อโฆษณาในต่างจังหวัด พร้อมเร่งรัดดำเนินการปรับเปลี่ยนสื่อโฆษณาเป็นสื่อดิจิตอล หวังปั้นรายได้สิ้นปีเติบโต 15%
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ผู้นำในด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยครบวงจรของไทย (The Leader in Creative & Innovative OHM Solutions Provider) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.10 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นให้เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ จะเท่ากับ 3,008,969,500 หุ้น จากเดิมที่มี 300,896,950 หุ้น พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีมติออกวอร์แรนต์ภายหลังจากการแตกพาร์แล้ว โดยจัดสรรในสัดส่วน 4 หุ้นเดิม ได้ 1 วอแรนต์ และ 1 วอแรนต์ จะได้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ 1 หุ้น ในราคา 2 บาท โดยวอแรนต์มีอายุ 3 ปี ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิวอแรนต์ได้เมื่อครบ 2 ปีเป็นต้นไป โดยบริษัทฯ จะนำวาระดังกล่าวทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติเห็นชอบในวันที่ 26 กันยายนนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2557 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 18 สิงหาคม 2557 และปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อในวันที่ 19 สิงหาคม 2557 โดยจะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MACO กล่าวว่า ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นหลังสถานการณ์การเมืองนิ่ง และในเดือนกันยายนนี้จะได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสื่อโฆษณามากขึ้นเพื่อสื่อสารการตลาดสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ จะเร่งดำเนินแผนการปรับเปลี่ยนสื่อป้ายโฆษณาเป็นสื่อดิจิตอลให้แล้วเสร็จทันตามแผนรองรับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและสื่อสารโทรคมนาคม ที่พบว่าได้เริ่มกลับมาใช้จ่ายเม็ดเงินเพื่อซื้อสื่อโฆษณาในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังจะเร่งขยายพื้นที่สื่อโฆษณาในต่างจังหวัดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเน้นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตของพื้นที่สื่อโฆษณาจากปัจจัยการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2558 นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากกลุ่ม Non MACO Space จะมีการฟื้นตัวที่ดีเช่นกัน เนื่องจากมีเทศกาลกระตุ้นให้ลูกค้าจัดงาน Event หรือกิจกรรมการตลาดรองรับ ซึ่งเป็นโอกาสของ MACO ที่จะเข้าไปรับงานจากลูกค้าเพื่อผลักดันรายได้จากส่วนนี้ให้เพิ่มขึ้นได้
“ในครึ่งปีหลัง แนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณามีทิศทางปรับตัวที่ดีขึ้น จากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ จึงเป็นโอกาสของ MACO ที่มีศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่สื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยเพื่อผลักดันอัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณาเฉลี่ยให้เพิ่มขึ้นเป็น 70-75% ของพื้นที่สื่อโฆษณาทั้งหมด เพื่อผลักดันรายได้ในปีนี้ให้เติบโต 15% ตามเป้าหมาย และรักษาความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นตามนโยบายของบริษัทฯ ให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 50%” นายนพดล กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ (เดือนมกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้ 321.02 ล้านบาท ลดลง 4.37 % เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 335.68 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 74.49 ล้านบาท ลดลง 6.61% จากระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 79.76 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2/57 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้ 147.26 ล้านบาท ลดลง 16.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 177.92 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 30.24 ล้านบาท ลดลง 31.55% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.18 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกและในไตรมาส 2 นั้นมาจากการชะลอการใช้จ่ายเงินซื้อสื่อโฆษณาของลูกค้า อันเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาในครึ่งปีแรกมีมูลค่าหดตัวลง 8% และได้ส่งผลกระทบทำให้อัตราการใช้พื้นที่สื่อโฆษณา (Occupancy Rate) ของ MACO ลดลง