บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก เติบโตสูงกว่าเป้าหมาย และทำผลงานได้ดีกว่าตลาดโดยรวมฟันกำไรสุทธิกว่า 248 ล้านบาท ดันส่วนแบ่งการตลาดพุ่ง 3.94% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจ และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมา คาดสิ้นปีส่วนแบ่งการตลาดแตะ 4% จากความได้เปรียบในการบริการเปิดบัญชีธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ร่วมกับธนาคารสาขาของไทยพาณิชย์ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจนอกเหนือจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Non - Brokerage Business) เพิ่มยอดรายได้
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของบริษัทออกมาเป็นที่น่าพอใจโดยมีผลกำไรสุทธิจำนวน 248 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ที่ 3.94% ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ได้ตั้งไว้ทั้งปีที่ว่าจะมีผลกำไรสุทธิ 350 ล้านบาท ที่ส่วนแบ่งการตลาด 3.65% ณ สิ้นปี 2557 ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ ขยับเป็นโบรกฯ ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดติดอันดับหนึ่งในสิบ สะท้อนศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ที่สามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว และบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างซบเซา ในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
“แม้ว่าในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา สภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย แต่ก็ถือว่าบริษัทฯ ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม เพราะในภาวะที่มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ (Market Volume) มีจำนวนลดลงเหลือ 32,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โบรกเกอร์หลายแห่งสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้แก่โบรกเกอร์รายใหม่ และได้รับผลกระทบจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงของนักลงทุนรายย่อย แต่บริษัทฯ กลับมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 3.94% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 3.65% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมอบบริการที่มีคุณภาพตอบสนองความต้องการให้นักลงทุนได้อย่างลงตัว เช่น บริการเปิดบัญชีหุ้นทันใจที่ไทยพาณิชย์ บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ แอปพลิเคชันวิเคราะห์หุ้น SCBS STOCK Advisor บริการซื้อขายในตลาดสัญญาล่วงหน้า Stock Futures “TFEX Block Trade” ไพรเวต พอร์ตฟอลิโอ และการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญ หรือ DW ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น”
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 บริษัทยังคงประสานความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะการเสนอบริการด้านการลงทุนเพื่อขยายลูกค้ากลุ่ม Wealth และบริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ จะขยายธุรกิจที่ไม่ใช่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Non - Brokerage Business) ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้า เช่น หุ้นกู้อนุพันธ์ระยะสั้น ประเภทคุ้มครองเงินต้น Principal Protected Note (PPN) รวมถึงการส่งเสริม และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการระดมเงินจากตลาดทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทนอกเหนือรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage Business) และทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 24% ในปลายปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในโบรกฯ ที่มีการขยายตัวสูงสุดในปีนี้ โดยจะรักษาผลการดำเนินงานที่ดีไว้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจ และแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวตลอดจนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำการปรับเป้าหมายผลการดำเนินงานสิ้นปี 2557 ให้สอดคล้องต่อแนวโน้มของตลาด โดยคาดว่าจะมีผลกำไรสุทธิโดยประมาณที่ 590 ล้านบาท และส่วนแบ่งการตลาดที่ 4% นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในครึ่งปีหลังเพิ่มมากขึ้นเป็น 38,000-40,000 ล้านบาท ทำให้ค่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 35,000 ล้านบาท โดยยังคงเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) อยู่ที่ระดับ 1,600 จุด
