xs
xsm
sm
md
lg

โคนิก้า มินอลต้า ซื้อกิจการ IFEC ลุยตลาดเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โคนิก้า มินอลต้า เปิดแผนลุยตลาดประเทศไทย หลังฮุบส่วนธุรกิจเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันทั้งเครื่องเช่าและขายของ IFEC ที่เดิมเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย มั่นใจด้วยผลิตภัณฑ์ และโซลูชันด้านเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันจะช่วยให้ภายใน 3 ปี สามารถกวาดส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 20% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท

นายโอซาฟูมิ คากามูระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาโคนิก้า มินอลต้า จะทำตลาดในประเทศไทยผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่าง บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ซึ่งด้วยการที่เป็นเพียงตัวแทนจำหน่าย ทำให้ทาง IFEC ไม่มีการลงทุนในธุรกิจนี้เท่าที่ควร

ประกอบกับทางบริษัทแม่มองว่าตลาดในประเทศไทย ถือเป็นตลาดสำคัญและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการเข้าซื้อกิจการ IFEC พร้อมตั้งบริษัทใหม่เป็น บริษัท โคนิก้า มินอลต้า บิสสิเนส โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 376 ล้านบาท เพื่อทำตลาดธุรกิจเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชัน และเครื่องเช่าต่อจาก IFEC พร้อมกับนำเสนอบริการโซลูชันเพิ่มเติม

“เป้าหมายที่วางไว้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคือเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันให้ได้ 20% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่เฉลี่ยแล้วตลาดนี้มีมูลค่ารวมราว 7 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็วางแผนที่จะเพิ่มยอดจำหน่ายเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันสี ให้มากขึ้น พร้อมขยายตลาดผลิตภัณฑ์ในส่วนของโปรดักต์ชัน พรินติ้ง และระบบบริหารจัดการเอกสารภายในองค์กร”

ปัจจุบัน สัดส่วนระหว่างเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันสีจะอยู่ที่ราว 33% เท่านั้น เมื่อเทียบกับเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันแบบขาว-ดำ ซึ่งถ้าตลาดมีการใช้งานเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันสีเพิ่มมากขึ้น มูลค่ารวมของตลาดก็จะสูงขึ้นเพราะรายได้ต่อแผ่นของเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันสีจะสูงกว่าขาว-ดำ และที่สำคัญคือตอนนี้ราคาจำหน่ายของเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันสีปรับลดลงมาทำให้แต่ละองค์กรสามารถลงทุนได้ง่ายขึ้น

ที่ผ่านมาโคนิก้า มินอลต้า จะเน้นการลงทุนงบประมาณในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันมากกว่าการทำตลาด ดังนั้น ผลิตภัณฑ์จึงมีคุณภาพ และประสิทธิภาพไม่เป็นรองผู้เล่นรายใดในตลาด และจากการที่ปัจจุบันเริ่มหันมาทำตลาดมากยิ่งขึ้น จากส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ราว 10% ก็ยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก

ทางโคนิก้าฯ มองว่าในอนาคต เครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันจะเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นมากขึ้น อย่างปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเลต และระบบคลาวด์ ได้ก็จะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันภายในออกมาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม

ขณะที่ การแข่งขันในตลาดนี้ ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันในสำนักงานหรือองค์กร ที่จะเน้นฟังก์ชันอย่างการถ่ายเอกสาร สแกน การสั่งพิมพ์ผ่านระบบเครือข่าย โดยส่วนมากจะเป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ส่วนในกลุ่มของโปรดักต์ชัน พรินติ้ง ก็จะเป็นเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันขนาดใหญ่ เหมาะกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ มหาวิทยาลัย หรือภาครัฐ ที่มีการใช้งานเป็นประจำ

“ตลาดแข่งขันกันหนักทุกรูปแบบทั้งราคา เทคโนโลยี คุณภาพการบริการ ประสิทธิภาพการบริการ ลูกค้าต้องการสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบราคาต้องดี ไม่ใช่ราคาถูกแต่สินค้าไม่ดี ที่สำคัญคือมีบริการไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งข้อดีของ โคนิก้า มินอลต้า คือ ความพร้อมในแง่ของเซอร์วิสอินฟราสตรัคเจอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เป็น 1 ใน 3 ผู้นำในตลาดอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ สำนักงานสาขาของโคนิก้า มินอลต้า ในประเทศไทย ปัจจุบันมีทั้งหมด 13 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 3 สาขา และต่างจังหวัด 9 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้ และมีแผนที่จะขยายสาขาในภาคกลางและตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเติม

“ในปี 2014 ถือเป็นการเตรียมการเพื่อก้าวต่อไปในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดิจิตอลมัลติฟังก์ชันจะค่อนข้างนิ่ง เช่นเดียวกับตลาดไอที แต่เชื่อว่าหลังจากนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น”

Company Relate Link :
Konica Monolta
กำลังโหลดความคิดเห็น