ปริมาณการซื้อ - ขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแตะระดับ 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ระบุ ความเชื่อมั่นกลับคืน แนะนักลงทุนจับตาปัจจัยลบครึ่งปีหลังทั้งการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด และสงครามกลางเมืองในอิรัก รวมถึงความตึงเครียดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุ ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ คือ การทยอยปรับลดเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือมาตราการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่จะหมดลงช่วงเดือนตุลาคม 2557 นี้ ขณะเดียวกัน ประธานเฟดก็ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในระยะสั้น แต่จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วงกลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยในประเทศไทยยังคงเป็นเครื่องสนับสนุน โดยเฉพาะภาพรวมการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ทั้งการพิจารณาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
“หลัง คสช. เข้ามาบริหารประเทศ ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วงปลายไตรมาส 2 โดยเฉพาะแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันในประเทศ และบัญชีตลาดหลักทรัพย์ที่ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นตัวขึ้น สะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 40,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกที่ 30,814 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในเดือนมิถุนายนเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,604 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 17.8 จากเดือนพฤษภาคม แม้ว่านักลงทุนจะมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ตาม” นายเกียรติพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) ปิดที่ 1,485.75 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 14.40% จากสิ้นปี 2556 และเพิ่มขึ้น 4.95% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนพฤษภาคม 2557 ขณะเดียวกัน ดัชนีหลักทรัพย์ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2556 โดยกลุ่มธุรกิจการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุด
นอกจากนี้ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 35,603 ล้านบาท โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 40,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.9% จากไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ที่ 30,814 ล้านบาท เฉพาะเดือนมิถุนายน 2557 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 17.8% จากเดือนก่อนหน้า แม้จะมีปัจจัยจากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่ากำหนดของเฟด
พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปดัชนีสำคัญในไตรมาส 2 ปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 20,476 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 41,189 ล้านบาท ขณะเดียวกัน สัดส่วนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนเข้าระดมทุนทั้งใน ตลท. และ mai มีมูลค่าระดมทุนรวม 62,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.51 เท่า จากไตรมาส 1 โดยในตลาดแรกมีมูลค่าระดมทุน 49,039 ล้านบาท จากบริษัทจดทะเบียน 9 บริษัท และ 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดรองมีการระดมทุน 13,614 ล้านบาท ทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 มีมูลค่าระดมทุนรวมทั้งสิ้น 80,501 ล้านบาท ลดลง 53.26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
สำหรับภาพรวมภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในไตรมาส 2 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 133,155 สัญญา เพิ่มขึ้น 1.4 เท่าจากไตรมาส 1 และเพิ่มขึ้น 0.7 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ single stock futures ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรก มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจำนวน 93,834 สัญญา เพิ่มขึ้น 37.96% จาก 68,017 สัญญาในปี 2556
ขณะเดียวกัน มีการซื้อขายอนุพันธ์ที่อ้างอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity futures) ได้แก่ gold futures silver future และ oil futures ในช่วง night session อยู่ที่ 49.33% ของปริมาณการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจาก 45.74% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรกมีปริมาณการซื้อขายในช่วง night session อยู่ที่ 47.5 % ลดลง จาก 51.27% ในปี 2556
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุ ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ คือ การทยอยปรับลดเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือมาตราการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่จะหมดลงช่วงเดือนตุลาคม 2557 นี้ ขณะเดียวกัน ประธานเฟดก็ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในระยะสั้น แต่จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วงกลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยในประเทศไทยยังคงเป็นเครื่องสนับสนุน โดยเฉพาะภาพรวมการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ทั้งการพิจารณาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
“หลัง คสช. เข้ามาบริหารประเทศ ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วงปลายไตรมาส 2 โดยเฉพาะแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันในประเทศ และบัญชีตลาดหลักทรัพย์ที่ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นตัวขึ้น สะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 40,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกที่ 30,814 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในเดือนมิถุนายนเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,604 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 17.8 จากเดือนพฤษภาคม แม้ว่านักลงทุนจะมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ตาม” นายเกียรติพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) ปิดที่ 1,485.75 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 14.40% จากสิ้นปี 2556 และเพิ่มขึ้น 4.95% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนพฤษภาคม 2557 ขณะเดียวกัน ดัชนีหลักทรัพย์ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2556 โดยกลุ่มธุรกิจการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุด
นอกจากนี้ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 35,603 ล้านบาท โดยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 40,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.9% จากไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ที่ 30,814 ล้านบาท เฉพาะเดือนมิถุนายน 2557 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 17.8% จากเดือนก่อนหน้า แม้จะมีปัจจัยจากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่ากำหนดของเฟด
พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปดัชนีสำคัญในไตรมาส 2 ปรากฏว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 20,476 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 41,189 ล้านบาท ขณะเดียวกัน สัดส่วนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนเข้าระดมทุนทั้งใน ตลท. และ mai มีมูลค่าระดมทุนรวม 62,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.51 เท่า จากไตรมาส 1 โดยในตลาดแรกมีมูลค่าระดมทุน 49,039 ล้านบาท จากบริษัทจดทะเบียน 9 บริษัท และ 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดรองมีการระดมทุน 13,614 ล้านบาท ทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 มีมูลค่าระดมทุนรวมทั้งสิ้น 80,501 ล้านบาท ลดลง 53.26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
สำหรับภาพรวมภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในไตรมาส 2 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 133,155 สัญญา เพิ่มขึ้น 1.4 เท่าจากไตรมาส 1 และเพิ่มขึ้น 0.7 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของ SET50 Index Futures และ single stock futures ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรก มีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจำนวน 93,834 สัญญา เพิ่มขึ้น 37.96% จาก 68,017 สัญญาในปี 2556
ขณะเดียวกัน มีการซื้อขายอนุพันธ์ที่อ้างอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity futures) ได้แก่ gold futures silver future และ oil futures ในช่วง night session อยู่ที่ 49.33% ของปริมาณการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจาก 45.74% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรกมีปริมาณการซื้อขายในช่วง night session อยู่ที่ 47.5 % ลดลง จาก 51.27% ในปี 2556