xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯหั่นดัชนีหุ้นไทยหลือ 1,600 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – โบรกฯปรับดัชนีสิ้นปีหดเหลือ 1,600 จุด จากเดิม 1,650 จุด เหตุนักลงทุนสถาบัน – ต่างชาติเทขายหุ้นไทย วิตกว่าราคา แพงเกินจริง ขณะที่กลุ่มผู้ค้าหลักทรพัย์เปลี่ยนกลุ่มเข้าลงทุน เตือนดัชนีปรับฐานแรง อาจถึงแนวรับ 1440 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(30 กรกฎาคม 2557 )ปิดที่ 1,518.79 จุด ลดลง -1.76 จุดเปลี่ยนแปลง -0.12% มูลค่าการซื้อขาย 66,044.55 ล้านบา โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,529.04 จุด และต่ำสุดที่ 1,500.05 จุด โดยสถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิออกมาอีก 2,381.42 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,672.41 ล้านบาท ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 139.12 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 3,914.71 ล้านบาท

ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 2556 จะปรับตัวลดลงได้ไม่มากแล้ว เพราะเข้าสู่ช่วงเทศกาลลงทุนในกองทุน LTF และ RTF ประกอบกับกลุ่มกองทุน เริ่มทยอยเข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ด้านนักลงทุนต่างประเทศนั้น
แม้ที่ผ่านมาจะทยอยขายสุทธิหุ้นไทยไปบ้างจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โครงการภายใต้งบประมาณภาครัฐ 2.2 ล้านล้านบาท ต้องล่าช้าออกไป จึงทำให้เห็นเม็ดเงินการลงทุนโยกย้ายเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศที่กำลังฟื้นตัวและเติบโต เช่น จีน ญี่ปุ่น และยุโรป มากขึ้น
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำในช่วงที่เหลือของปี ฝ่ายวิจัยแนะนำ "ซื้อ" หุ้นกลุ่มส่งออก เพราะได้รับอานิสงส์ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่สิ้นปี 2556 คาดปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) จะเฉลี่ยสูง 4.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน คาดดัชนีที่ 1,375 จุด และปี 2557 ปรับลดลงเหลือที่ 1,600 จุด จาก 1,650 จุด
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี ถือว่าหุ้นไทยซื้อขายบนความหวังของนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นโยบายการลงทุนภาครัฐเริ่มชัดเจนขึ้น แต่อุปสรรคใหญ่อยู่ที่ว่า ความคาดหวังนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่วันนี้ราคาหุ้นหลายตัวสะท้อนความคาดหวังไปหมดแล้ว
พร้อมคาดการณ์ว่า ระยะ 3 – 6 เดือนต่อจากนี้ ดัชนีอาจปรับฐานลงสู่ระดับ 1,440 จุด ซึ่งเป็นฐานดัชนีก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเข้าไปลงทุน ฉะนั้นนักลงทุนต้องเลือกเฟ้นหุ้นที่ราคายังไม่แพงเกินไป โดยแนะนำนกัลงทุนแบ่งสัดส่วนการลงทุน 70% ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่เหลือ 30% ควรถือเป็นเงินสด เพื่อรอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน หรือให้ผลตอบแทนที่ดีเท่ากับตลาดหุ้น โดยหุ้นกลุ่มที่ยังลงทุนได้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นราคาไม่แพงเกินไป เช่น กลุ่มพลังงาน และสื่อสาร เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางลบ หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขณะเดียวกันมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง หากมีนโยบายจากภาครัฐเข้ามาสนับสนุนอย่างจริงจัง
กำลังโหลดความคิดเห็น