โบรกฯ เผยหุ้นไทยบวกได้ต่อเนื่อง เกิดจากเงินทุนไหลเข้า และเงินบาทแข็งค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แนะติดตามความคืบหน้าของรัฐธรรมนูญชั่วคราว รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 เดือน จะมีความชัดเจนออกมา
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 ก.ค.) ซึ่งปิดบวกได้อีก 11 จุด โดยระบุว่า ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน สลับกับแกว่งตัวผันผวนตามการซื้อขาย โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากปัจจัยบวกจากต่างประเทศ รวมถึงเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ ค่าเงินมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าทำให้นักลงทุนต่างชาติหันกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อจากวันนี้ตาม Sentiment ที่ดีของภาพรวมการลงทุน และคาดว่าจะมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามายังตลาดหุ้นไทยต่อจากวันนี้ แต่มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นการซื้อขายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ทั้งนี้ ประเมินแนวต้าน 1,532-1,535 จุด แนวรับที่ 1,520-1,525 จุด ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในต่างประเทศ เชาน การประชุมของธนาคารกลางประเทศญี่ปุ่น หรือ BOJ ร่วมถึงความคืบหน้าของรัฐธรรมนูญชั่วคราว รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นคาดว่าอีกประมาณ 2 เดือน จะมีความชัดเจนออกมามากขึ้น กลยุทธ์การลงทุนแนะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
“เรามองว่าการลงทุนในวันพรุ่งนี้หากจะซื้อหุ้นควรซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลดลง รวมถึงรอติดตามหุ้นที่มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ออกมาดี”
ด้านค่าเงินบาทวันนี้ ปิดตลาดที่ 32.11-32.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าและจากที่ปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักมาจากเงินทุนไหลเข้า ทั้งในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร
โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 3,000 ล้านบาท และตลาดตราสารหนี้กว่า 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า และในวันนี้ก็มีการซื้อสุทธิอีก 411 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักบริหารเงินของธนาคารพาณิชย์ มองแนวรับไว้ที่ 32.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้ คาดอยู่ที่ 32.05-32.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ