ผู้ว่าการ ธปท. คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังโตได้ 3-4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว จากที่มีการประมาณการไว้ ขณะที่ ด้านการท่องเที่ยวจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ทำได้ต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนปีหน้าคาดโตได้ถึง 5.5%
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีปีนี้จะเติบโตได้ 2.5% ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ตั้งเป้าไว้หรือไม่นั้น คงต้องมาดูว่า คสช.จะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดย ธปท.ประเมินว่าถ้าจะเน้นมาตรการเพิ่มเติม ควรทำในเรื่องการลงทุน เนื่องจากตรงกับความต้องการของประเทศ ทั้งในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กำลังพล ขณะที่ด้านการบริโภคเริ่มเห็นความเชื่อมั่นดีขึ้น ด้านการท่องเที่ยวเมื่อสถานการณ์สงบคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว แต่ช่วงนี้ยังเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวส่งผลยังไม่เห็นการฟื้นตัวมากนัก
“ธปท.ประกาศจีดีพีที่ 1.5% ซึ่งเป็นสมมุติฐานที่ ธปท.มีอยู่ ส่วนจะได้ 2.5% หรือไม่คงต้องลุ้นมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งบางเรื่องสามารถดำเนินการได้เลยตามแผน แต่บางเรื่องยังต้องรอในส่วนของกระบวนการ” นายประสาร กล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจครึ่งปีหลังเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ หลังจากสถานการณ์ในประเทศคลี่คลาย โดยคาดว่าจีดีพีไตรมาส 3 และ 4 จะโตได้ 3-4% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว จากที่มีการประมาณการไว้ ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ทำได้ต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2558 จีดีพีจะเติบโตได้ประมาณ 5.5% ซึ่งถือว่าเป็นการโตเต็มศักยภาพ โดยมองไปข้างหน้าว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะในส่วนภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ที่มีความเข้มแข็ง ขณะที่ภาครัฐมีฐานะทางการคลังดีขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นห่วง อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน เนื่องจากที่ผ่านมาภาคครัวเรือนมีหนี้มาก แม้เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลง แต่ยังต้องติดตามใกล้ชิด
“หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น เป็นหนี้ค่อนข้างเยอะ เกิดจากกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ ส่งผลให้เป็นตัวจำกัดอำนาจซื้อ และยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ด้านของภาคธุรกิจเอกชนและภาครัฐยืนยันว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” นายประสาร กล่าว
นายประสาร ยังเปิดเผยถึงกรณีที่ คสช. ได้มีคำสั่งให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง แจ้งรายงานโครงการประมูลจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินลงทุนเกิน 100 ล้านบาท เพื่อให้มีการพิจารณากลั่นกรองก่อนดำเนินการ รวมทั้งมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐ (คตร.) เพื่อตรวจสอบโครงการต่างๆนั้น มองว่า คสช.มีเจตนาเพื่อแก้ไขปัญหาคอรัปชันที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ อาจส่งผลต่อการทำธุรกรรมสะดุดบ้างในช่วงแรก แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน
“ช่วงแรกอาจสะดุด แต่ธุรกรรมที่มีมูลค่า 100 ล้านบาท ยังดำเนินการได้ปกติ ส่วนที่จะต้องตรวจสอบคือ ด้านการจัดซื้อจัดจ้างที่เกิดขึ้นใหม่เท่านั้น” นายประสาร กล่าวสรุป