กลุ่มซีคอนโฮม ทุ่มงบกว่า 20 ล้าน พัฒนาระบบก่อสร้าง “บ้านสำเร็จรูปทั้งหลัง” หวังแก้ปัญหาแรงงานระยะยาว ระบุใช้แรงงานน้อยเพียง 5-6 คน แถมลดเวลาก่อสร้างจาก 6-7 เดือน เหลือ 4-5 เดือน พร้อมโชว์ 5 แบบบ้านใหม่ภายใต้ชื่อ HAPPY BUDGET ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท ยอมรับลูกค้าสร้างบ้านยังไม่นิยมเท่าที่ควร แต่มั่นใจอนาคตจำเป็นต้องใช้ คาดปี 57 กวาดยอดขาย 1,400 ล้านบาท โต 13%
น.ส.ศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทซีคอนโฮม จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือ และปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างบ้านเกิดประสบการณ์ด้านลบ ซึ่งกลุ่มบริษัทซีคอนโฮม ถือเป็นรายแรกของไทยที่นำระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน เริ่มตั้งแต่การใช้เพียงแค่เสา และคาน และได้พัฒนาระบบก่อสร้างมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบโครงสร้างผนังสำเร็จรูปซีคอน (Seacon Bearing Wall) ซึ่งเป็นการพัฒนาวัสดุในส่วนหลักเพื่อสร้างบ้านสำเร็จรูปทั้งหลัง
Seacon Bearing Wall เป็นระบบก่อสร้างที่ช่วยลดขั้นตอนการก่ออิฐ ฉาบปูน ด้วยการใช้ผนังรับแรง นอกจากนี้ ยังได้คุณภาพงานภายใต้มาตรฐานเดียวกัน จากเดิมที่ต้องพึ่งแรงงานฝีมือด้านการก่อฉาบ ซึ่งการก่อสร้างระบบโครงสร้างสำเร็จรูปนี้จะใช้แรงงานเพียง 4-5 คน/บ้าน 1 หลัง จากเดิมใช้แรงงาน 6-7 คน นอกจากนี้ ยังช่วยลดระยะเวลาก่อสร้างลงจาก 6 เดือน เหลือเพียง 4-4.5 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทได้ออกแบบบ้านใหม่เพื่อรองรับต่อการผลิตโครงสร้างผนังสำเร็จรูปซีคอน ภายใต้ชื่อ HAPPY BUDGET จำนวน 5 แบบ สไตล์ MODERN CONTEMPORARY ประกอบด้วย แบบบ้าน HAPPY BUDGET 1-5 ซึ่งแต่ละแบบบ้านสามารถสร้างได้ในพื้นที่ตั้งแต่ 33 ตารางวาขึ้นไป จนถึง 50 ตารางวา โดยมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 120 ตร.ม. จนถึง 194 ตร.ม. ซึ่งพื้นที่ใช้สอยจะขึ้นอยู่กับแบบบ้านแต่ละแบบ ตลอดจนขนาดที่ดิน โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.5-2.3 ล้านบาท ในช่วงเริ่มต้นบริษัทสามารถผลิตบ้านในกลุ่มนี้ได้ประมาณ 50 หลังต่อปี
“กลุ่มบริษัทซีคอนโฮม มั่นใจว่า ระบบโครงสร้างผนังสำเร็จรูปซีคอน (Seacon Bearing Wall) เพื่อสร้างบ้านสำเร็จรูปทั้งหลังนั้น จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อจำกัดของการรับสร้างบ้าน เช่น แรงงาน ราคาวัสดุ และราคาค่าก่อสร้าง ที่นับวันปัญหาจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้บริโภคต้องหันมาใช้ระบบนี้ในการก่อสร้างบ้าน ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนในการขยายการผลิตไว้แล้วเพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มตลาดที่มีงบประมาณจำกัด และกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านในระยะเวลาที่รวดเร็ว” น.ส.ศุภิชชา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทซีคอนโฮม สามารถสร้างยอดขายรวมได้ที่ 280 หลัง มูลค่า 1,238 ล้านบาท แบ่งเป็น ซีคอน โฮม 91 หลังมูลค่า 749 ล้านบาท คอมแพค โฮม 174 หลังมูลค่า 464 ล้านบาท และบัดเจต โฮม 15 หลัง มูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ประมาณการไว้
“หากวิเคราะห์เชิงลึกเราค่อนข้างพอใจ เพราะเราเองน่าจะมีอัตราเติบโตที่สูงกว่าตลาดรวมอยู่พอสมควร หรือประมาณ 5% ในส่วนครึ่งปีแรก 2557 นี้เราสามารถสร้าง ยอดขายได้รวม 149 หลัง หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 650 ล้านบาท แบ่งเป็น ซีคอน โฮม 30 หลัง 320 ล้านบาท คอมแพค โฮม 85 หลัง 270 ล้านบาท และบัดเจต โฮม 34 หลัง 60 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1,400 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 13% จากปี 2556 เพราะดูจากสถานการณ์โดยรวมที่ดีขึ้น มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า โดยในครึ่งปีหลังเตรียมกลยุทธ์อัดยอดขายไว้อย่างต่อเนื่อง” น.ส.ศุภิชชา กล่าวสรุป