ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ เตรียมบุกตลาดเทรดดิ้ง-เพิ่มกำลังการผลิตเต็มสูบ หลัง Warehouse เสร็จในช่วงไตรมาส 4/57 เตรียมรับมาร์เก็ตติ้งเพิ่ม หวังผลักดันยอดขายกระฉูด คาดรายได้ปี 2558 โตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับสิ้นปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมรับพนักงานฝ่ายการตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) เพิ่ม ภายหลัง Warehouse ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อรุกธุรกิจเทรดดิ้งมากขึ้น ซึ่งข้อดีของ Trading สามารถเพิ่มยอดขายและกำไร ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักรและกำลังคน เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งทั่วโลกรองรับ
นอกจากนี้ ยังเตรียมเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตอีก 30% หลัง Warehouse แล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาส 4 /57 และที่สำคัญการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตจะช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มมาร์จินให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก
“เราเตรียมเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้ง เพื่อทำตลาดเทรดดิ้งอย่างเต็มที่ในปีหน้า เพราะเรามีคลังสินค้า พร้อมรองรับออเดอร์ลูกค้า ซึ่งทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่ารายได้จะโตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีนี้ ที่คาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท” นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทจะมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและกำไรขั้นต้นสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรบริษัทมากขึ้น โดยขณะนี้เริ่มมีออเดอร์ เข้ามาบ้างแล้วจากบรรดาบริษัทชั้นนำ โดยก่อนหน้านี้ FPI ได้ลงทุนแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก
ทั้งนี้ หากมีออเดอร์ใหม่เข้ามาจากสหรัฐฯ จะต้องมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของแม่พิมพ์ โดยใช้เงินส่วนหนึ่งจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 250 ล้านบาท ซึ่งในช่วงแรกจะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ในมือในส่วนของการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้า (OEM) ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ทดแทน (REM) มีประประมาณ 150 ล้านบาทต่อเดือน โดยในปีนี้บริษัทสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้อีก 3 ประเทศ ทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มเป็น 122 ประเทศ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ กล่าวอีกว่า คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2557 กำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จึงทำให้ Net Profit Margin ออกมาดี อีกทั้ง บริษัทยังได้วางแผนขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลงทุนสำนักงานใหม่ เพื่อรองรับบุคลากรใหม่ๆ ในการขยายตลาด รวมทั้งจะมุ่งเน้นทำธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading) อื่นๆ อย่างชิ้นส่วนเครื่องยนต์ (Engine Part) โดยจะมีการหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทขยายตัวต่อไปในอนาคต
