โบรกฯ ประเมินสถานการณ์อิรักเดือด ไม่กระทบดัชนีตลาดหุ้นไทยรุนแรงเหมือนในอดีต เชื่อกระทบราคาน้ำมันพุ่งกระฉูด แนะลุยหุ้นพลังงาน เผยเม็ดเงินต่างชาติไหลออกจากเอเชียต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังดีกว่าภูมิภาค
นายทรงกลด วงศ์ไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทย ช่วงวันที่ 23-27 มิ.ย. 57 โดยคาดว่าดัชนีจะอยู่ในเเดนบวกต่อเนื่องได้จากสัปดาห์นี้ แต่หากดัชนีปรับตัวขึ้นเเรง ต้องระมัดระวังการขายทำกำไร
ทั้งนี้ คงต้องจับตารอปัจจัยจากการปฏิรูปเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องโครงการรถไฟรางคู่ การประมูล 4G และความคืบหน้าการออกคูปองกล่องทีวีดิจิตอล รวมถึงสถานการณ์ในอิรัก หากมีความรุงเเรงและลุกลามไปยังกรุงเเบกเเดด ซึ่งเป็นเเหล่งผลิตน้ำมัน จะทำให้เป็นเเรงช่วยหนุนราคาน้ำมันให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลุ่มพลังงานจะได้รับประโยชน์ และสำหรับตลาดหุ้นไทย กลุ่มพลังงานถือว่าเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักต่อดัชนี
ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 8,500 ล้านบาท จากสัปดาห์ก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 2,000 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันสูงถึง 4.3 หมื่นล้านบาท จากยอดซื้อสะสมสุทธิตั้งแต่ปี 2552 ที่เหลืออยู่ประมาณ 39,000 ล้านบาท (ตามมูลค่าตลาด) โดยแรงขายดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ที่กระแสเงินทุนไหลเข้ายังคงชะลอตัวต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิต่อเนื่อง แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นและอินเดีย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมา 3.5% รั้งอันดับสาม ซึ่งถือว่ายังโดดเด่นกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างตลาดฮ่องกง และฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ แม้ดัชนีในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพักตัว แต่ยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้ต่อในระยะยาว
สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ สถานการณ์ในประเทศอิรักที่ยังมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่การสู้รบที่รุนแรง นำมาซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นหลายประการ แต่ที่กระทบมากที่สุด คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งหากประเมินจากสถานการณ์ที่อิรักบุกยึดคูเวต เมื่อช่วงปี 2533 - 2534 ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นถึง 30% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงถึง 48% แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ ประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยรุนแรงเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ปตท.สผ. ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่กลุ่มพลังงานทดแทน คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในทางอ้อม โดยหุ้นที่แนะนำ คือ GUNKUL