xs
xsm
sm
md
lg

จับตาส่งออกวูบกดจีดีพี คาดคง ดบ.2% บาทแตะ 33.50

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอดีบี” เผยแม้ความเชื่อมั่นจะเพิ่มขึ้นหลังมีรัฐบาลใหม่ แต่ยังคงมีความท้าทายด้านการส่งออก หนี้ภาคครัวที่สูง ทำให้การบริโภคไม่กระเตื้องมากนัก ขณะที่กสิกรฯ คาดดอกเบี้ยนโยบายยังคงที่ 2% จนถึงสิ้นปี บาทแตะ 33.50 หนุนส่งออก

นางลักษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย กล่าวว่า เอดีบีจะมีการทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการปรับอย่างไร แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะเพิ่มสูงขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป ซึ่งภายหลังที่มีรัฐบาลที่สามารถบริหารจัดได้ แต่ก็ยังมีความท้าทายในระดับหนึ่งในเรื่องของการบริโภคที่อาจจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก จากภาระหนี้ที่ครัวที่สูง และการส่งออกที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ

“การส่งออกของไทยเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูว่าการขยายตัวเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน หากขยายตัวต่ำกว่าก็ควรมีการพิจารณาการพัฒนาขีดความสามารถในด้านนี้ต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจไทยย้งพึ่งพาการส่งออกอยู่ในระดับที่สูง ส่วนการปรับประมาณจีดีพีนั้น ยังต้องรอดูในระยะต่อไป และจากประมาณเดิมของเอดีบีในเดือนมีนาคม ก็มองไว้ค่อนข้างสูงที่ 2.9% จึงยังไม่เห็นทิศทางว่าจะปรับหรือทรงไว้อย่างไร”

คาด กนง.คงดอกเบี้ยจนสิ้นปี

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)กล่าวว่า ธนาคารคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงอยู่ที่ 2% ไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เอื้อต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เนื่องจากเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยลงกว่านี้ก็ไม่น่าจะผ่านไปสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นก็น่าจะเป็นอีกข้อจำกัดในการพิจารณาลดดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

“เชื่อว่าในระยะต่อไปจะเห็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจผ่านเครื่องมือทางการคลังมากกว่าทางการเงิน ซึ่งจะเป็นผลในระยะยาวเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเครื่องมือทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ยนั้นคงจะไม่ส่งผลมากนัก เพราะรัฐบาลที่บริหารจัดการอยู่ขณะนี้น่าจะเน้นในเรื่องการปฏิรูประบบโดยรวมมากกว่าเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ในด้านเศรษฐกิจคงทำเพียงไม่ให้ตกลงไปมากกว่านี้ก่อน แล้วระยะเวลาการดำรงตำแหน่งที่กะไว้ 1 ปีเศษ ก็อาจจะทำให้ภาคเอกชนไม่ค่อยมั่นใจนักหากจะลงทุนอะไรในระยะยาวต่อไป”

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องจับตาดูในเรื่องของการส่งออก ซึ่งยังขยายตัวได้ไม่ดี ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็ยังมีความเสี่ยงในการขยายตัว จากที่ธนาคารโลกได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจโตเหลือ 2.8% จาก 3.2% ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปก็ปรับลดดอกเบี้ยลงในระดับติดลบ เพื่อแก้ไขปัญหาเงินฝืด ซึ่งจากสถานการณ์ที่ยังสุ่มเสี่ยงอยู่นี้ ทำให้คาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อน จากที่คาดว่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในกลางปีหน้า

นายกอบสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้สิ่งที่ประเทศเกิดใหม่วิตกคือ เรื่องเงินทุนไหลออก และเงินทุนผันผวนลดลง ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงประมาณการเดิมไว้ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ในสิ้นปีนี้ ซึ่งเงินบาทที่อ่อนค่าก็จะช่วยหนุนภาคการส่งออกจากที่คาดไว้ 5% ด้วย ส่วนประมาณจีดีพีที่ 1.8% นั้น ก็มีโอกาสที่จะทบทวนอีกครั้งหากมาตรการของรัฐชัดเจนกว่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น