“ปิคนิค” คาดกระบวนการควบรวม “เวิลด์แก๊ส” แล้วเสร็จในเดือน ต.ค.นี้ เผยมติผู้ถือหุ้นไฟเขียวด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 96.7% ด้านผู้บริหารมั่นใจ บริษัทใหม่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก ปตท. พร้อมคาดยอดขายปีนี้เติบโตได้ 10%
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติการควบรวมกิจการระหว่าง PICNI และ บริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด (WG) โดยมีมติด้วยคะแนนเสียง 96.7% ของหุ้นที่มาประชุม การควบรวมกิจการจะมีการจัดสรรหุ้นในบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้น PICNI ในสัดส่วน 1 หุ้น PINIC ต่อ 0.452795821 หุ้นบริษัทใหม่ คาดว่ากระบวนการควบรวมจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.57
นายรณสิทธิ ภุมมา รักษาการกรรมการผู้จัดการ PICNI เปิดเผยว่า หลังควบรวมกิจการกับ WG แล้ว จะทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ และหาคณะผู้บริหารชุดใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการบริษัท แต่ยังไม่มีข้อสรุป
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะนำหุ้นบริษัทใหม่กลับมาเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้งราวเดือน มี.ค.58 หรือภายในไตรมาส 1/58 หลังการควบรวมของ 2 บริษัท โดยบริษัทใหม่ยังคงดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นหลัก
“คาดว่าบริษัทใหม่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก PTT ซึ่งจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 22.2% เนื่องจาก ณ สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ WG มีส่วนแบ่งการตลาด 15-16% และ PICNI มี 7%"
อีกทั้งบริษัทใหม่จะมีผลประกอบการเป็นกำไรทันที เพราะ PICNI ปรับโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะเห็นกำไรจากการดำเนินงานของ PICNI ตั้งแต่ไตรมาส 1/57 ซึ่งหากสามารถทำกำไรติดต่อ 4 ไตรมาส ก็จะสามารถยื่นขอกลับเข้าเทรดได้ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1/58
นายรณสิทธิ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปีนี้ยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลวจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่ 4,900 ล้านบาท ตามความต้องการก๊าซ LPG ทั้งภาคหุงต้ม และภาคขนส่ง ซึ่งการควบรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่จะเกิดผลดีหลายด้าน เช่น การใช้ประโยชน์คลังก๊าซของทั้ง 2 บริษัทร่วมกัน เครือข่ายการจำหน่าย และการขนส่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ปัจจุบัน PICNI มีคลังเก็บก๊าซที่ อ.บางจะเกร็ง จ.สมุทรสงคราม และ WG มีคลังที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ดังนั้น บริษัทใหม่จะสามารถใช้คลังร่วมกันได้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่การจำหน่ายใน กทม. ปริมณฑล ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก ลูกค้าของท้ง 2 บริษัทที่เป็นสถานีบริการก๊าซสามารถมารับก๊าซได้สะดวกขึ้น ทำให้บริษัทใหม่ลดต้นทุนค่าขนส่งลงได้ รวมทั้งหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะลูกค้าสถานีบริการบริเวณภาคใต้ตอนบน
“ตอนนี้มองเรื่องการควบรวมกิจการให้เสร็จเรียบร้อย ยังไม่มีแผนลดทุน-เพิ่มทุน ส่วนงบฯ ไตรมาส 1/57 จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ตอนนี้ PICNI ไม่มีหนี้แล้ว ผลประกอบการของบริษัทก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ มีกำไรจากการดำเนินงาน คาดว่าหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่จะเป็นที่สนใจของนักลงทุน” นายรณสิทธิ กล่าว
ด้านนายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ที่เข้ามาถือหุ้น 14.87% เบื้องต้นเป็นเพียงถือเพื่อการลงทุน เพราะมองถึงศักยภาพของบริษัทว่าจะเติบโตในธุรกิจก๊าซได้อีกมาก