xs
xsm
sm
md
lg

แนวโน้มลงทุนพัทยา-หัวหินพุ่งคาดปี 58 ซัปพลายเข้าตลาดรวมกว่า 14,000 หน่วย

เผยแพร่:

คอลลิเออร์สฯเผยตลาดหัวหิน-พัทยา ยังขยายตัวต่อเนื่อง คาดซัปพลายเกิดใหม่ปี58 เมืองพัทยา 4,000 หน่วย รวมสะสมพุ่ง 8,000 หน่วย ขณะที่เมืองหัวหินคาดมีสินค้าเกิดใหม่ 10,000 หน่วย ดันยอดสะสมพุ่ง 16,000 หน่วย ระบุลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า

นายไทรมั่น ลัญฉน์ดี ประธานบริหาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวพัทยาและหัวหิน ยังมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในเมืองพัทยามีการสร้างที่พักอาศัยริมหาดพัทยาเพื่อรองรับความต้องการใหม่กว่า 4,000 ยูนิต คาดว่าในปี 58 จะมีที่พักริมหาดเพิ่มกว่า 3,666 ยูนิต ซึ่งจะทำให้จำนวนซัปพลายสะสมอยู่ที่ 8,000 ยูนิต ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในโครงการเลียบหาดแถบจอมเทียน สำหรับพื้นที่ที่ยังว่างสำหรับก่อสร้างโครงการนั้นในตัวเมืองพัทยามีพื้นที่ที่จำกัด ทำให้โครงการเกิดใหม่เริ่มขยายตัวออกมายังบริเวณนาจอมเทียนมากขึ้น รวมทั้งพื้นที่ใหม่ เช่น บางเสร่

สำหรับอัตราการระบายออกของซัปพลายอยู่ที่ 87% ส่วน โดยผู้ซื้อที่มีความหลากหลายทั้งชาวไทย รัสเซีย อินเดีย จีน และยุโรป โดยเป็นการซื้อเพื่อลงทุน มีเพียงส่วนน้อยที่ซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง ส่วนมากผู้ซื้อชาวไทยจะซื้อโครงการจากผู้ประกอบการชาวไทย ขณะที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติก็จะซื้อจากโครงการของชาวต่างชาติ

“ ราคาที่ดินของเมืองพัทยานี้อยู่ระหว่าง 30- 200 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนราคาขายห้องชุดเฉลี่ยประมาณ 90,000 บาทต่อตารางเมตร คุณภาพของโครงการมีทั้งแบบผสม ซึ่งแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ขณะที่ผลตอบแทนจากค่าเช่าอยู่ที่6-7% แนวโน้มการให้เช่าอยู่ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับดี ”

นายไทรมั่น กล่าวว่า ส่วนหัวหินและชะอำ ที่ขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าพัทยานั้น เริ่มมีการเติบโตของที่พักอาศัยในอัตราคงที่ โดยมีซัปพลาย 5,500 ยูนิต และคาดว่าภายในปี58 จะมีซับพลายเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ยูนิต ทำให้จำนวนซับพลายสะสมสูงขึ้นถึง 16,000 ยูนิต โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับกลางไปจนถึงระดับไฮเอนด์

พื้นที่ว่างสำหรับโครงการใหม่ๆ ในตัวเมืองหัวหินเริ่มมีจำนวนจำกัด เช่นเดียวกับที่พัทยา จึงขยายพื้นที่ออกไปทางชะอำ เขาเต่า และพื้นที่ใหม่อย่างปึกเตียน โดยอัตราการะบายออกขายอยู่ที่ 65% ส่วนใหญ่ผู้ซื้อเป็นชาวไทย เพื่อเป็นบ้านพักอาศัยหลังที่สอง ส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติจะเป็นชาวยุโรปตอนเหนือและเอเชีย

“ ราคาที่ดินอยู่ที่ 13 -80 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนราคาพื้นที่ของโครงการเฉลี่ยประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร หรือประมาณ 3.5 ล้านบาท คุณภาพของโครงการเป็นแบบไฮเอนด์ไปจนถึงลักชัวรี่ แนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้น ผลตอบแทนจากค่าเช่าอยู่ที่ 5-6% แนวโน้มการให้เช่าระดับต่ำไปจนถึงดี ”


กำลังโหลดความคิดเห็น