xs
xsm
sm
md
lg

UV ยันไม่มีแผนผุดโครงการใหม่ มั่นใจรายได้ 9,000 ล้านบาทตามเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วรวรรต ศรีสอ้าน
ยูนิเวนเจอร์ฯ ยันปี 57 ไม่มีแผนเปิดโครงการเพิ่มหลังไตรมาสแรกเปิดตัวไปแล้ว 3 โครงการ พร้อมเตรียมงบชอปที่ดิน 3,800 ล้านบาท รอพัฒนาโครงการใหม่ปี 58 มั่นใจรายได้รวมทั้งปี 9,000 ล้านบาท ยอดขาย 8,500 ล้านบาทตามเป้า พร้อมรักษากำไรขั้นต้นที่ 24-25% หลังมีรายได้พิเศษจากการตัดขายที่ดิน “GOLD” พร้อมเล็งขายเพิ่มอีก 3 แปลง

นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่าในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกรายต่างได้รับผลกระทบจากปัญหการเมืองที่เกิดขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงยังไม่ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไตรมาส 3-4 นี้ ผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเริ่มส่งผลที่ดีต่อตลาด เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว นอกจากนี้ ในไตรมาส 3-4 การแข่งขั้นในตลาดจะสูงขึ้น เนื่องจากทุกรายต้องเร่งสร้างยอดขาย ซึ่งจะทำให้มีการอัดโปรโมชันออกมาจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบ และแนวสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ และยังไม่มีมีแผนจะขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัด เพราะกังวลเรื่องคุณภาพของบ้านจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้า โดยบริษัทได้ตั้งงบประมาณ 3,800 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินรอพัฒนาโครงการใหม่ แบ่งเป็นงบโครงการแนวสูง 1,000 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้วในโครงการ ยู ดีไลท์ ท่าพระ-ตลาดพลู จำนวน 400 ล้านบาท ส่วนอีก 2.8 พันล้านบาท สำหรับโครงการแนวราบ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) GOLD ซึ่งใช้ไปแล้ว 900 ล้านบาท

นายวรวรรต กล่าวว่า ในไตรมาส 2 จนถึงไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ การซื้อที่ดินดังกล่าวจะเตรียมไว้รองรับการพัฒนาโครงการในปี 58 หลังจากที่ในไตรมาส 1 ของปีนี้ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 3 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่มาก ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับวิธีการขายใหม่ โดยทยอยเปิดขาย และจะเปิดขาย 3 โครงการดังกล่าวต่อไปในช่วงแวลาที่เหลือของปีนี้

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายไว้ที่ 8,500 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจากโครงการแนวราบ 2,100 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 6,400 ล้านบาท ส่วนเป้ารายได้ของปีนี้ยังคงไวที่ 9,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตของรายได้จากปีก่อนหน้า 50% โดยรายได้หลักกว่า 70% จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจอสังหาฯ เพื่อเช่า 1,330 ล้านบาท และธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 1,300 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือแล้วจากโครงการแนวสูง 3,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 1,300 ล้านบาท

ในปีนี้กำไรจะดีกว่าปีก่อนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และยังมีกำไรพิเศษจาก บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ทยอยขายที่ดินออกไป โดยไตรมาส 2 นี้จะได้รับกำไรจากการขายที่ย่านหัวหมาก และยังมีที่ดินอีก 3 แปลง ที่จะทยอยขายออกไป คือ ที่ดินสนามกอล์ฟที่นครราชสีมา ที่ดินใน จ.กระบี่ และ จ.ประจวบคีรีขันธ์

“โดยบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24-25% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 21% และในไตรมาส 1 ของปีนี้ขยับขึ้นมาที่ 22% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาจากโครงการใหม่ อีกทั้งมีการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่ดี”

สำหรับธุรกิจสังกะสีออกไซด์ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีปริมาณขาย 1.8 หมื่นตัน จากปีก่อนที่ขายได้ 1.6 หมื่นตัน โดยปีนี้จะเพิ่มการส่งออกเป็น 20% จากปีก่อน 16% โดยแนวโน้มราคาผันผวนในแนวสูง โดยปัจจุบันราคาสังกะสีอยู่ที่ 2,080 เหรียญ/ตัน สูงกว่าปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ย 1,950 เหรียญ/ตัน ทั้งนี้ บริษัทขายล่วงหน้าไปแล้ว 60%


กำลังโหลดความคิดเห็น