“คลัง” ยอมรับ ศก.ไทยเดือน เม.ย.หดตัวเพราะการเมืองไม่แน่นอน เชื่อผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในทางบวกมากขึ้น พร้อมมั่นใจไตรมาส 2/57 จีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 1% โดยมีแรงหนุนจากเงินค่าจำนำข้าวที่อัดฉีดให้ชาวนา
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน เม.ย.โดยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2/57 จะเติบโตได้กว่า 1% หลังมีการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่ค้างอยู่ให้แก่ชาวนา
ขณะเดียวกัน สศค.คาดว่าจีดีพีในไตรมาส 3/57 จะขยายตัวได้มากกว่า 1% และจะเติบโตมากขึ้นอีกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังคาดว่างบประมาณปี 58 จะเริ่มใชัได้ทันเวลา ทำให้คาดว่า จีดีพีทั้งปี 57 จะโตไม่ต่ำกว่า 2% แต่ตั้งเป้าจะผลักดันให้เติบโตได้ถึง 3%
โดยเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา สศค.ปรับลดคาดการณ์จีดีพีของไทยปีนี้เหลือโต 2.6% จากก่อนหน้านั้นคาดโต 4.0% เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นสัปดาห์นี้ภายหลังจากหน่วยงานของกระทรวงการคลังเข้าประชุมรับมอบนโยบายจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสมชัย ได้เปิดเผยหลังการประชุมว่า สศค.มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้เกิน 2% และตั้งเป้าจะผลักดันให้โตได้ถึง 3%
ทั้งนี้ เนื่องจากงบลงทุนในปีงบประมาณ 57 ที่ค้างอยู่ จะมีผู้มาอนุมัติแล้ว และยังมีงบลงทุนปี 58 ที่สามารถนำมาใช้ได้ทันเวลา จากเดิมคาดว่าจะล่าช้าออกไป ขณะที่ก่อนหน้านั้น คสช.ได้ชี้แจงต่อภาคธุรกิจ และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจว่า พร้อมจะเร่งเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยมีภารกิจเร่งด่วนคือ การเร่งจ่ายเงินจำนำข้าวที่ค้างจ่ายให้ชาวนา และจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 58 ให้ทันตามกำหนด
ด้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยในวันนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 26-29 พ.ค.นี้ ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้แก่ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว จำนวน 1.85 แสนราย เป็นเงินประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท