รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช้านี้ทันทีที่เปิดตลาดซื้อขายวันแรกของ บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ KTIS ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยประกอบธุรกิจประเภทการผลิตน้ำตาลทรายครบวงจร และอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอ้อย ได้แก่ โรงงานผลิตเอทานอล โรงงานผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย โรงไฟฟ้าชีวมวล และปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด พบว่า ทันทีที่เปิดตลาดราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 10.10 บาท หรือ 1.00% จากราคา IPO ที่ 10 บาท/หุ้น โดยได้เสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 957,827,000 หุ้น
อย่างไรก็ดี บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น และบริษัทย่อย ประกาศผลกำไรปี 2556 เท่ากับ 1,260 ล้านบาท อัตราเฉลี่ยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.39 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไร 1,700 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นที่ 0.63 บาทโดยในวันแรกที่เริ่มทำการซื้อขายหุ้น บมจ.เกษตรไทยฯ ในตลาดหุ้นไทย นางหทัย ศิริวิริยะกุล จะขายหุ้นสามัญของ บมจ.เกษตรไทยฯ จำนวน 417,364,800 หุ้น Big Lot Board ให้แก่ บริษัท 3 เอส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดย นางหทัย ศิริวิริยะกุล ในสัดส่วนร้อยละ 70 และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และบริษัท นิสชิน ชูการ์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 30
ทั้งนี้ เป็นขั้นตอนเข้าทำรายการตามสัญญาลงทุนในหุ้นของ บมจ.เกษตรไทยฯ ระหว่างบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชัน, บริษัทนิสชิน ชูการ์ จำกัด และนางหทัย ศิริวิริยะกุล ในการให้บริษัท 3 เอส โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใน บมจ.เกษตรไทยฯ รวมทั้งหมดจำนวน 972,000,000 หุ้น มูลค่าเงินลงทุนรวมตามสัญญาไม่มากกว่า 2,650 ล้านบาท และหุ้นดังกล่าวที่ซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ไม่เป็นหุ้นที่เข้าข่ายการถูกห้ามขายในช่วง Silent Period