xs
xsm
sm
md
lg

“KTIS” ทำบิ๊กล็อตให้ 2 พันธมิตรญี่ปุ่น “ซูมิโตโม-นิชชิน” เพื่อต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่งในเวทีโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้ถือหุ้นใหญ่ “KTIS” ทำบิ๊กล็อตให้พันธมิตรญี่ปุ่น 417,364,800 หุ้น ราคา 12.42 บาท เพื่อให้มีสัดส่วน 18.4% มั่นใจ “ซูมิโตโม-นิชชิน” ช่วยต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่งในเวทีโลก

นางหทัย ศิริวิริยะกุล ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KITS ได้ทำการขายหุ้นสามัญของ KITS บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวน 417,364,800 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 12.42 บาท ให้แก่ บริษัท 3 เอส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท หทัยจรูญเอกโฮลดิ้ง จำกัด (ซึ่งนางหทัย ถือหุ้น 100%) กับพันธมิตรทางธุรกิจจากญี่ปุ่น ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และ นิสชิน ชูการ์

นางหทัย ยอมรับว่า การทำรายการบิ๊กล็อตดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาการร่วมลงทุนกับพันธมิตรรายใหญ่จากญี่ปุ่น คือ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และนิสชิน ชูการ์ ซึ่งมองว่า การมีพันธมิตรจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้จะทำให้ KTIS มีศักยภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เนื่องจากซูมิโตโม เป็นบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ระดับโลก มีความชำนาญด้านการขายและมีเครือข่ายกระจายสินค้าในตลาดโลก ในขณะที่นิสชิน ชูการ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านการผลิตน้ำตาลรีไฟน์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น มีความรู้ และเทคโนโลยีในการผลิตน้ำตาลมาตรฐานญี่ปุ่น จึงมองว่าการเข้ามาร่วมทุนจะช่วยเสริมให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง และขยายโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้น

ทั้งนี้ การทำรายการบิ๊กล็อตดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นวันแรกที่หุ้น KITS เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทำให้ บริษัท 3 เอส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท หทัยจรูญเอกโฮลดิ้ง จำกัด (ซึ่งนางหทัย ถือหุ้น 100%) กับพันธมิตรทางธุรกิจจากญี่ปุ่น ได้แก่ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และทางนิสชิน ชูการ์ ถือหุ้นเพิ่มจากเดิม 291,600,000 หุ้น เป็นถือหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 708,964,800 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 18.4 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของบริษัทฯ

ด้านนายประพันธ์ ซีอีโอกลุ่ม KTIS เปิดเผยว่า การทำรายการของผู้ถือหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งข้อมูลไว้ในหนังสือชี้ชวน ซึ่งกลุ่ม KTIS ยินดีต้อนรับการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นครั้งนี้ และมองว่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนา KTIS ให้เติบโตต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น