“ไพบูลย์” กอดคอ 7 องค์กรธุรกิจ หนุน กอ.รส.เจรจาผ่าทางออกของประเทศ ยุติความขัดแย้งของทุกฝ่าย ดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศกลับคืนมา หากการเจรจายุติความขัดแย้งลงเป็นผลสำเร็จ จะเกิดประโยชน์ในแง่บวกขึ้นต่อสังคมไทย ฟาก “ภัทธีรา” คาดแนวโน้มผลประกอบการ บจ. และผลประกอบการกลุ่มโบรกฯ ในไตรมาส 2 อาจปรับตัวลดลงอีก หากเหตุการณ์ยังไม่ยุติ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า สภาธุรกิจ และ 7 องค์กรธุรกิจมีความเห็นชอบในการเจรจาความร่วมมือเพื่อหาทางออกของประเทศ ซึ่งจัดโดยกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) เพื่อเร่งผลักดันในการแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ยุติลงโดยเร็ว และเป็นที่ยอมรับจากประชาชนทุกฝ่าย อีกทั้งการจัดตั้งรัฐบาลในการเข้ามาบริหารประเทศได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ เพื่อฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศให้กลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเหมือนเช่นเดิม
“การตั้งโต๊ะเจรจาความร่วมมือทุกฝ่ายโดยมี กอ.รส. เป็นเจ้าภาพนั้น ควรมีการเจรจาเพื่อให้ปัญหาความขัดแย้งยุติลงโดยเร็ว แต่ในความเป็นจริงคาดว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากเป็นความละเอียดอ่อนทำให้อาจทำให้มีความล่าช้า แต่ทั้งนี้ คาดหวังว่าหากการเจรจายุติความขัดแย้งเป็นผลสำเร็จ จะเกิดประโยชน์ในแง่บวกขึ้นต่อสังคมไทย ซึ่งทุกฝ่ายได้เอาใจช่วยให้การเจรจาหาทางออกประเทศครั้งนี้ยุติลงได้โดยเร็วที่สุด”
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาของประเทศที่มีอยู่ในขณะนี้ไม่สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากไม่มีรัฐบาลถาวรที่จะมีศัยกภาพในการผลักดันโครงการที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จได้ ทำให้การทำงานของหลายฝ่ายมีความชะงักงัน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ ที่สำคัญคือ ในปี 2558 จะเริ่มก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ยังคงมีปัญหาความไม่สงบในประเทศที่ยังหาความชัดเจนไม่ได้ โดยในขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการ SME ได้รับผลกระทบในวงกว้าง และหนี้สินครัวเรือนของประเทศส่งสัญญาณการเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP มีเปอร์เซ็นต์ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า สถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศขณะนี้มีความรุนแรง และลุกลามอย่างมาก จนถึงขั้นที่จะต้องมีการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อที่ทางทหารจะได้เข้ามาควบคุมความสงบเรียบร้อย หากพิจารณาในแง่บวกถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะแกนนำของกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล และฝ่ายค้านจะได้ลดการเผชิญหน้าท้าทายกัน ถอยออกมาคนละก้าว เพื่อให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไปได้ โดยมี กอ.รส. เป็นตัวกลางที่จะประสานความขัดแย้งที่มี โดยหาข้อตกลงที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
“แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และ ผลประกอบการกลุ่มโบรกฯ ในไตรมาสที่ 2 คาดว่าจะปรับตัวลดลงอีก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาพรวม เศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นๆ โดยจะมีการประเมินตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ในส่วนของความพยายามของ 7 องค์กรหลักที่ร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และหน่วยงานเอกชนอื่นๆ ตลอดจนถึงองค์กรอิสระ พยายามที่จะช่วยสนับสนุนการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรงที่มีอยู่ในประเทศให้สามารถคลี่คลายลงโดยเร็ว โดยปัญหาครั้งนี้ถือว่ามีความสลับซับซ้อนกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ ในส่วนสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยได้ประชุมร่วมกันเพื่อสร้างความรู้ความเข้าในต่อนักลงทุน บนพื้นฐานข้อมูลที่มีความชัดเจนที่เป็นจริง ซึ่งยังไม่เลวร้ายมากจนถึงขั้นหยุดทำการซื้อขาย