xs
xsm
sm
md
lg

บล.โกลเบล็กชี้กฎอัยการศึกกระทบจิตวิทยาช่วงสั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองประกาศใช้กฎอัยการศึกกระทบจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น จับตาแรงขายต่างชาติที่ถอนการลงทุนจากตลาดหุ้นไทยได้ตามเงื่อนไขในการลงทุนที่ห้ามลงทุนในประเทศที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก จึงเป็นจังหวะสะสมหุ้นของนักลงทุนในประเทศ ดักทางฝรั่งกลับมาลงทุนอีกครั้ง หลังปัญหาการเมืองคลี่คลาย พร้อมแนะกลยุทธ์ เลือกหุ้นพื้นฐาน ฐานการเงินมั่นคง ปันผลงาน KBANK- PTT-PTTEP-PTTGC

นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังการประกาศกฎอัยการศึกว่า  จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่มีกฎระเบียบว่าจะไม่ลงทุนในประเทศที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้

จากการประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเวลา 3 นาฬิกาวันนี้ เมื่อพิจารณาจากประกาศกฎอัยการศึกก็จะพบว่า กฎหมายดังกล่าวให้อำนาจทหารอยู่สูงกว่าพลเรือน และจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จนถึงขณะนี้ ประกาศได้จำกัดพื้นที่การชุมนุมของทั้ง 2 ฝ่ายให้อยู่ในที่ตั้ง ไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย อยากชุมนุมก็ได้แต่อย่าออกนอกกรอบ ภาพที่ออกมาจึงเหมือนกับ กองทัพออกมาห้ามศึกก่อนที่จะเกิด และหาทางลงให้แก่ กปปส.ที่ชุมนุมยืดเยื้อมากว่า 6 เดือน

ส่วนที่ต้องจับตาคือ สถานการณ์ในช่วงต่อไป 1) การตอบโต้ของ นปช. รุนแรง หรือแรงแบบพอเป็นพิธี ถ้าเป็นกรณีหลังแสดงว่ามีการเจรจากันแล้วในระดับสูงให้ออกมาในรูปแบบนี้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด 2) รักษาการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีแนวโน้มจะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่เชียงใหม่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ถ้าจริงเรื่องวุ่นวายก็ไม่จบ ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน 3) การจัดตั้งนายกฯ คนกลางหรือนายกฯ ม.7 ซึ่งจนถึงปัจจุบันรัฐธรรมนูญ 50 ยังคงมีผลบังคับใช้ ดังนั้นการมี นายกฯ ม.7 จะถือเป็นการผิดต่อ รธน. และอาจปลุกกระแสการต่อต้านขึ้นทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี ถึงที่สุดอะไรๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเมืองไทย 4) ทางออกของประเทศนอกเหนือจากการมีนายกฯ คนกลาง ม.7 ได้แก่ 1) เลือกตั้ง 2) จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หรือ 3) ผบ.ทบ.ประกาศยึดอำนาจแล้วเป็นนายกฯ เอง

บล.โกลเบล็ก คาดว่าการตอบสนองของตลาดคาดว่าสถาบันในประเทศคาดหวังต่อเหตุการณ์นี้ว่าจะเกิดขึ้น แต่อาจไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา เพราะเทียบเคียงกับผลกระทบในอดีตที่เกิดขึ้นสั้นๆ และจำกัด ด้วยเหตุนี้จึงซื้อสะสมมาตลอดทาง อย่างไรก็ดี เราพบว่า Foreign Fund Flows มีการขายเกิดขึ้นบางส่วน เนื่องจากบางกองมีข้อบังคับห้ามลงทุนในตลาดที่มีการประกาศกฎอัยการศึก แต่สำหรับ Long Only Funds ชินกับสถานการณ์การเมืองไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

 ดังนั้น การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จึงอาจกระทบไม่มาก เว้นแต่สถานการณ์จะนำพาไปสู่สงครามกลางเมือง อีกทั้งกองต่างประเทศก็ได้ทำการ Underweight ตลาดไทยไปแล้วในระดับสูง ดังนั้น จึงไม่น่าขายออกมามาก ยิ่งดูจากประกาศที่ออกมาต่อเนื่องดูเหมือน ผบ.ทบ. ออกมาเป็นเพียงผู้ห้ามศึกมากกว่าการสลายการชุมนุม แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องรอดูพัฒนาการในช่วงต่อไป  

ส่วนนักลงทุนในประเทศมองว่าเป็นจังวะที่ดีในการเข้ามาทยอยสะสมหุ้นที่ได้รับปรับตัวลดลง เพื่อดักทางการกลับมาอีกครั้งของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย หรือมีการจัดตั้งรัฐบาลกลางได้เร็ว โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำว่า ควรติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะคงเป็นปัจจัยหลักส่งผลต่อการลงทุนในระยะสั้น หรือในระหว่างวันอาจมีแรงขายออกมา โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ และช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย นักลงทุนต่างชาติอาจมีการปรับลดการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นควรเลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง โดยยังคงเน้นการลงทุนไปยังหุ้นปัจจัยพื้นฐานมั่นคง ฐานะการเงินดี ธุรกิจฟื้นตัวเร็ว และมีปันผล เช่น กลุ่มธนาคาร KBANK ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงซื้อ กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP และ PTTGC โดยมีสมมติฐานเหตุการณ์ไม่ยืดเยื้อ และคาดว่าจะได้รัฐบาลใหม่เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ระยะกลาง ถือ และ ซื้อ เพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง แนวรับ 1,391-1,387 จุด เพราะเชื่อว่านักลงทุนสถาบันในประเทศจะยังเข้ามาลงทุนในช่วงที่ราคาหุนอ่อนตัวได้

กล่าวโดยสรุป หาก SET ปรับตัวลงมากกว่า 2% หรือที่ระดับ 1,375 จุด ถือเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เน้นหุ้นที่มีสตอรีโดดเด่น และ EPS Growth เด่นสุดในกลุ่ม เลือก  BGH, KBANK-F, AIS, PTTGC, QH, DTAC เป็น Top Picks ส่วนหุ้นขนาดเล็ก EE, EVER, PDI, SITHAI, TVO


กำลังโหลดความคิดเห็น