บล.ทรีนีตี้ โชว์ผลงาน The Big Picture ไม่ถึง 4 ปี สร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนกว่า 523% เทียบกับ SET index ที่ 77% มองการลงทุนในเดือน พ.ค. อาจมีการหยุดพักชั่วคราว แต่ไม่มีแรงขาย แนะนำหุ้นเด่น หุ้นกลุ่มยานยนต์ ได้แก่ PCSGH, SAT หุ้นกลุ่ม Blue chip ที่ระดับ Valuation น่าสนใจ BANPU, BH หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยคาดผลประกอบการไตรมาส 1 จะอยู่ในเกณฑ์ดี คือ SPALI, LH หุ้นกลุ่มที่มีการขยายตัวของการส่งออกต่อเนื่อง ทั้ง KCE, GFPT, TVO และหุ้นกลุ่มสื่อสารที่มีการเติบโตสูงอย่าง JAS
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยความตั้งใจทุ่มเทเวลาคิดค้น วิจัย และติดตามผลอย่างใกล้ชิดในการจัดทำรายงานบทวิเคราะห์ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยประจำเดือน “The Big Picture” ที่เสนอมุมมองการลงทุนในภาพเชิงกว้างเป็นแนวทาง (Road Map) ในมุมมองที่ครบทุกมุม มองครบ 360 องศา ทั้งในภาพเศรษฐกิจของตลาดโลก ภาคเศรษฐกิจไทย หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ และกลยุทธ์การลงทุน เพื่อให้การลงทุนเป็นไปแบบประสิทธิภาพสูงสุด และทำการศึกษาจนค้นพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจะเป็นการลงทุนโดยใช้ “Market Theme” โดยมีระยะการลงประมาณ 1-3 เดือน ซึ่งจะให้ผลตอบแทนนักลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการลงทุนระยะยาว โดย “The Big Picture Portfolio” ที่ใช้ระยะเวลา 46 เดือนของการจัดตั้ง สามารถสร้างผลตอบแทนรวมตั้งแต่เริ่มต้นสูงกว่า 523% เทียบกับ SET index ที่ 77% สำหรับคำแนะนำหุ้นที่แนะนำใน The Big Picture สำหรับเดือนเมษายนให้ผลตอบแทน 4.8% ในขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทน 2.8%
สำหรับภาพการลงทุน “The Big Picture” ในเดือนพฤษภาคมนี้ มองว่า SET Index อาจมีการหยุดพัก (Consolidate) ชั่วคราว แต่ระดับของการ Consolidate คงจะไม่ถึงขั้นถูกแรงขายกดดันอย่างมีนัยสำคัญ โดยมองว่าหุ้นที่แข็งแกร่งในเดือนนี้จะเป็นหุ้นที่มีค่า Alpha สูง ซึ่งสามารถทนทานความผันผวนของตลาดหุ้นที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศได้ สำหรับปัจจัยสนับสนุนจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวกต่อเนื่องทำให้ค่าเงินบาทกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ทิศทาง Fund flow ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงกลางปีนี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปฏิทินการเมืองที่เริ่มหนาแน่นมากขึ้น ทั้งกรณีการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ในคดีทุจริตจำนำข้าว และการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญต่อความเป็นรัฐมนตรีของรักษาการนายกฯยิ่งลักษณ์ การประกาศตัวเลข GDP ของไทยประจำไตรมาสที่ 1 ที่อาจออกมาหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับหุ้นที่แนะนำสำหรับเดือนพฤษภาคม ได้แก่ หุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ผลประกอบการน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ PCSGH ราคาเป้าหมาย 11 บาท, SAT ราคาเป้าหมาย 20 บาท หุ้นกลุ่ม Blue chip ที่ระดับ Valuation น่าสนใจ ได้แก่ BANPU ราคาเป้าหมาย 28.70 บาท, BH ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 105 บาท หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1 จะอยู่ในเกณฑ์ดี ได้แก่ SPALI ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 22 บาท, LH ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 13 บาท หุ้นกลุ่มที่มีการขยายตัวของการส่งออกต่อเนื่องหรือได้รับประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่ KCE ราคาเป้าหมาย 45.55 บาท, GFPT ราคาเป้าหมายแบบ Consensus 16.40 บาท, TVO ราคาเป้าหมายแบบ Consensus 27.20 บาท บาท และหุ้นกลุ่มสื่อสารที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ JAS ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท
ทั้งนี้ บล.ทรีนีตี้ เตรียมจัดสัมมนาให้คำแนะนำการลงทุน “The Big Picture” สำหรับนักลงทุนผู้สนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่งคั่ง และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับท่านที่มีความสนใจการออมเงิน การลงทุนแก่นักลงทุน ตามอาคารสำนักงาน หรือบริษัทผู้สนใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด จัดขึ้น ณ ห้องสัมมนา ชั้น 25 อาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ และได้รับความสนใจเข้าร่วมฟังสัมมนามากมาย
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยความตั้งใจทุ่มเทเวลาคิดค้น วิจัย และติดตามผลอย่างใกล้ชิดในการจัดทำรายงานบทวิเคราะห์ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยประจำเดือน “The Big Picture” ที่เสนอมุมมองการลงทุนในภาพเชิงกว้างเป็นแนวทาง (Road Map) ในมุมมองที่ครบทุกมุม มองครบ 360 องศา ทั้งในภาพเศรษฐกิจของตลาดโลก ภาคเศรษฐกิจไทย หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ และกลยุทธ์การลงทุน เพื่อให้การลงทุนเป็นไปแบบประสิทธิภาพสูงสุด และทำการศึกษาจนค้นพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจะเป็นการลงทุนโดยใช้ “Market Theme” โดยมีระยะการลงประมาณ 1-3 เดือน ซึ่งจะให้ผลตอบแทนนักลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการลงทุนระยะยาว โดย “The Big Picture Portfolio” ที่ใช้ระยะเวลา 46 เดือนของการจัดตั้ง สามารถสร้างผลตอบแทนรวมตั้งแต่เริ่มต้นสูงกว่า 523% เทียบกับ SET index ที่ 77% สำหรับคำแนะนำหุ้นที่แนะนำใน The Big Picture สำหรับเดือนเมษายนให้ผลตอบแทน 4.8% ในขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทน 2.8%
สำหรับภาพการลงทุน “The Big Picture” ในเดือนพฤษภาคมนี้ มองว่า SET Index อาจมีการหยุดพัก (Consolidate) ชั่วคราว แต่ระดับของการ Consolidate คงจะไม่ถึงขั้นถูกแรงขายกดดันอย่างมีนัยสำคัญ โดยมองว่าหุ้นที่แข็งแกร่งในเดือนนี้จะเป็นหุ้นที่มีค่า Alpha สูง ซึ่งสามารถทนทานความผันผวนของตลาดหุ้นที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศได้ สำหรับปัจจัยสนับสนุนจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวกต่อเนื่องทำให้ค่าเงินบาทกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ทิศทาง Fund flow ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงกลางปีนี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปฏิทินการเมืองที่เริ่มหนาแน่นมากขึ้น ทั้งกรณีการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ในคดีทุจริตจำนำข้าว และการวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญต่อความเป็นรัฐมนตรีของรักษาการนายกฯยิ่งลักษณ์ การประกาศตัวเลข GDP ของไทยประจำไตรมาสที่ 1 ที่อาจออกมาหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับหุ้นที่แนะนำสำหรับเดือนพฤษภาคม ได้แก่ หุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ผลประกอบการน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ PCSGH ราคาเป้าหมาย 11 บาท, SAT ราคาเป้าหมาย 20 บาท หุ้นกลุ่ม Blue chip ที่ระดับ Valuation น่าสนใจ ได้แก่ BANPU ราคาเป้าหมาย 28.70 บาท, BH ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 105 บาท หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1 จะอยู่ในเกณฑ์ดี ได้แก่ SPALI ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 22 บาท, LH ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 13 บาท หุ้นกลุ่มที่มีการขยายตัวของการส่งออกต่อเนื่องหรือได้รับประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่ KCE ราคาเป้าหมาย 45.55 บาท, GFPT ราคาเป้าหมายแบบ Consensus 16.40 บาท, TVO ราคาเป้าหมายแบบ Consensus 27.20 บาท บาท และหุ้นกลุ่มสื่อสารที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ JAS ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท
ทั้งนี้ บล.ทรีนีตี้ เตรียมจัดสัมมนาให้คำแนะนำการลงทุน “The Big Picture” สำหรับนักลงทุนผู้สนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่งคั่ง และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับท่านที่มีความสนใจการออมเงิน การลงทุนแก่นักลงทุน ตามอาคารสำนักงาน หรือบริษัทผู้สนใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด จัดขึ้น ณ ห้องสัมมนา ชั้น 25 อาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ และได้รับความสนใจเข้าร่วมฟังสัมมนามากมาย