xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดฯ จับตา ผบ.ทบ. เชื่อเป็นเพียงผู้ห้ามศึก แนะรอดูพัฒนาการในช่วงต่อไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดฯ จับตา ผบ.ทบ.ชี้แจงประกาศกฎอัยการศึกเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติ คาดภาคบ่ายผันผวน โบรกฯ เชื่อกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่มีกฎระเบียบว่า จะไม่ลงทุนในประเทศที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา มั่นใจ ผบ.ทบ. ออกมาเป็นเพียงผู้ห้ามศึกมากกว่าการสลายการชุมนุม แต่ก็ยังต้องรอดูพัฒนาการในช่วงต่อไป

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 พ.ค.) โดยมองว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงไปกว่า 20 จุด หลังจากผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อดูแลสถานการณ์ของประเทศ และประเมินว่า นักลงทุนยังคงจับตาดูในขั้นตอนต่อไปว่าจะหาทางออกให้แก่ประเทศได้อย่างไร ดังนั้น คาดว่าตลาดน่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัวเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายวันนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า กองทัพบกได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานราชการในช่วงบ่ายนี้ เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ หลังจากที่ได้ประกาศกฎอัยการศึกว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป

ทั้งนี้ มองว่านักลงทุนคงจะรอดูถึงผลการประชุมดังกล่าว แต่หากไม่มีความคืบหน้ามากนัก ดัชนีก็คงยังผันผวนเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,385 จุด และแนวต้าน 1,400-1,405 จุด

ด้านนายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า บริษัทประเมินสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังการประกาศกฎอัยการศึก โดยยอมรับว่า จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสั้น โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่มีกฎระเบียบว่า จะไม่ลงทุนในประเทศที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้

ทั้งนี้ พบว่า Foreign Fund Flows มีการขายเกิดขึ้นบางส่วน เนื่องจากบางกองมีข้อบังคับห้ามลงทุนในตลาดที่มีการประกาศกฎอัยการศึก แต่สำหรับ Long Only Funds ชินกับสถานการณ์การเมืองไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงอาจกระทบไม่มาก เว้นแต่สถานการณ์จะนำพาไปสู่สงครามกลางเมือง

ขณะเดียวกัน ก็ประเมินว่ากองทุนต่างประเทศก็ได้ทำการ Underweight ตลาดไทยไปแล้วในระดับสูง ดังนั้น จึงไม่น่าขายออกมามาก ยิ่งดูจากประกาศที่ออกมาต่อเนื่องดูเหมือน ผบ.ทบ. ออกมาเป็นเพียงผู้ห้ามศึกมากกว่าการสลายการชุมนุม แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องรอดูพัฒนาการในช่วงต่อไป

ส่วนนักลงทุนในประเทศมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้ามาทยอยสะสมหุ้นที่ได้รับปรับตัวลดลง เพื่อดักทางการกลับมาอีกครั้งของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย หรือมีการจัดตั้งรัฐบาลกลางได้เร็ว

โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำว่า ควรติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะคงเป็นปัจจัยหลักส่งผลต่อการลงทุนในระยะสั้น หรือในระหว่างวันอาจมีแรงขายออกมา โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ และช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย นักลงทุนต่างชาติอาจมีการปรับลดการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นควรเลือกหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง โดยยังคงเน้นการลงทุนไปยังหุ้นปัจจัยพื้นฐานมั่นคง ฐานะการเงินดี ธุรกิจฟื้นตัวเร็ว และมีปันผล เช่น กลุ่มธนาคาร KBANK ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงซื้อ กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP และ PTTGC โดยมีสมมติฐานเหตุการณ์ไม่ยืดเยื้อและคาดว่าจะได้รัฐบาลใหม่เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ ระยะกลาง ถือ และ ซื้อ เพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง แนวรับ 1,391-1,387 จุด เพราะเชื่อว่านักลงทุนสถาบันในประเทศจะยังเข้ามาลงทุนในช่วงที่ราคาหุนอ่อนตัวได้

ประกอบกับหาก SET ปรับตัวลงมากกว่า 2% หรือที่ระดับ 1,375 จุด ถือเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เน้นหุ้นที่มีสตอรีโดดเด่น และ EPS Growth เด่นสุดในกลุ่ม เลือก BGH, KBANK-F, AIS, PTTGC, QH, DTAC เป็น Top Picks ส่วนหุ้นขนาดเล็ก EE, EVER, PDI, SITHAI, TVO


กำลังโหลดความคิดเห็น