xs
xsm
sm
md
lg

“SET INDEX” ปิดบวก 2 จุด ฟื้นตัวตามเทคนิค โบรกฯ แนะจับตาประธานเฟด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 ก.พ.) ปิดที่ระดับ 1,303.88 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.50 จุด หรือ +0.19% มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 22,147.17 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,312.73 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,299.70 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์เริ่มปรับตัวดีขึ้น สถาบันเข้าเก็บกว่า 693.14 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 374 หลักทรัพย์ ลดลง 295 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 233 หลักทรัพย์

การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 693.14 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 41.57 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 607.87 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 126.84 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับหลักทรัพย์ คือ

PTT ปิดที่ 288.00 บาท ลดลง -3.00 บาท หรือ 1.03% มูลค่าการซื้อขาย 1,172,690 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 184.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +1.10% มูลค่าการซื้อขาย 993,711 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 207.00 บาท เพิ่มขึ้น +1.00 หรือ -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 984,645 ล้านบาท
INTUCH ปิดที่ 71.75 บาท เพิ่มขึ้น -1.25 บาท หรือ +1.77% มูลค่าการซื้อขาย 886,056 ล้านบาท
JAS ปิดที่ 7.75 บาท เพิ่มขึ้น +0.05 หรือ +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 725,617 ล้านบาท

นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวันนี้แกว่งตัวในแดนบวกสลับแดนลบในช่วงสั้นๆ ซึ่งตลาดหุ้นไทยปรับฟื้นตัวขึ้นมาตามเทคนิค หลังจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวร่วงลงแรง และติดลบตลอดหลายวันที่ผ่านมาจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง

อย่างไรก็ดี สิ่งที่นักลงทุนควรจับตามองในระยะนี้คือ ถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่จะประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ซึ่งถ้าหากว่า เฟด คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม หรือลดอัตราดอกเบี้ยลงก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งอาจเกิดแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย เพื่อดึงเงินกลับไปลงทุนในสหรัฐฯ แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเฟดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวมที่จะปรับตัวลดลงพร้อมกัน

แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ ปัจจัยภายในประเทศที่มาจากปัญหาชุมนุมทางการเมือง การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และการจ่ายเงินปันผลที่ลดลง ทั้งนี้ กรอบระยะสั้นที่นักลงทุนต้องจับตาคือ แนวรับที่ 1,300-1,295 จุด และกรอบแนวรับระยะกลางคือ 1,285-1,321 จุด ซึ่งถ้าหาก SET INDEX สามารถผ่าน 1,310 จุดไปได้ จะเป็นสัญญาณบวกของการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,321 จุด โดยกรอบการลงทุนระยะยาวจะอยู่ที่ 1,385-1,321 จุด

ขณะเดียวกัน ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาตินั้น อาจจะยังไม่มีความแน่นอนในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้จะจับตาประเด็นแถลงการณ์ของนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาเป็นหลัก อย่างไรก็ดี นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงนี้ควรกำหนดกลยุทธ์ ปรับตัวลงซื้อ และขายออกเมื่อหุ้นปรับตัวขึ้น โดยพิจารณาจากแนวรับที่ดัชนี 1,310 จุด และ 1,321 จุดซึ่งถ้าหาก SET INDEX ไม่สามารถผ่าน 1,321 จุด ควรปรับพอร์ตขายออกเพื่อตัดขาดทุน

ทั้งนี้ หุ้นที่โดดเด่น และปันผลดีซึ่งนักลงทุนควรซื้อสะสม ได้แก่ PTT, KTB, BBL, SCB, KBANK ส่วนหุ้นที่ควรเก็งกำไรระยะสั้น ได้แก่ INTUCH, ADVANC ที่ราคาปรับตัวลดลงมาจากแรงกดดันทางการเมือง ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนในบางส่วน ซึ่งทำให้ราคาของหุ้นนั้นปรับตัวลดลงมา เหมาะแก่การเข้าไปลงทุนในระยะสั้น เมื่อสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง คาดว่าหุ้นจะเริ่มปรับตัวขึ้น เพราะกลุ่มสื่อสารเป็นหุ้นที่ขึ้น และลงอย่างรวดเร็ว ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ กรอบแนวรับจะอยู่ที่ 1,280 จุด ขณะที่กรอบแนวต้านจะอยู่ที่ประมาณ 1,320 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น