xs
xsm
sm
md
lg

“น้ำตาลครบุรี” ลุย “ชูการ์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์” ทุ่ม 4.3 พันลบ. เพิ่มกำลังผลิต 50% ต่อยอดธุรกิจพลังงานชีวมวล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“น้ำตาลครบุรี” เดินหน้า “ชูการ์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์” เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 4.3 พันล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 50% พร้อมต่อยอดธุรกิจพลังงานชีวมวล สร้างโรงงานเอทานอล 200,000 ลิตรต่อวัน คาดใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 15 เดือน

นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 ได้อนุมัติการลงทุนครั้งใหญ่โดยมีเป้าหมายทำให้โรงงานน้ำตาลครบุรี เป็นชูการ์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (Sugar Energy Complex) อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กลุ่มบริษัทเป็นอย่างมาก โดยการลงทุนครั้งนี้ประกอบด้วย 2 โครงการคือ โครงการก่อสร้างโรงงานเอทานอล ขนาด 200,000 ลิตรต่อวัน และโครงการขยายกำลังการผลิต 12,000 ตันอ้อยต่อวัน เงินลงทุนรวมประมาณ 4,291.7 ล้านบาท คาดว่าทั้ง 2 โครงการจะสามารถเปิดดำเนินการผลิตได้ในฤดูหีบ 2558/59

“ธุรกิจอ้อย และน้ำตาลในประเทศไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่ง และข้อได้เปรียบกับประเทศคู่แข่ง ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิต และส่งออกรายใหญ่ของโลกรายอื่น เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเอเชีย ซึ่งมีความต้องการบริโภคน้ำตาลเติบโตดี นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมีระบบแบ่งปันผลประโยชน์ที่ยุติธรรม ทำให้ชาวไร่ร่วมงานกับทางโรงงานอย่างเต็มใจ และร่วมกันพัฒนาพื้นที่ปลูกอ้อยออกไปอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจน้ำตาลยังมีผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจชีวพลังงาน กล่าวคือ การผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวล และการผลิตเอทานอล ซึ่งทำให้มีศักยภาพการทำกำไรสูง จากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ที่ผ่านมา ปริมาณผลิตน้ำตาลของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.4% และมีการเติบโตของปริมาณการส่งออกเติบโตเฉลี่ย 11.6% ต่อปี บริษัทยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของอุตสาหกรรมน้ำตาลไทย ซึ่งโรงงานน้ำตาล และชาวไร่จะร่วมกันพัฒนาให้ธุรกิจมีการขยายเติบโตต่อไปในอนาคต” นายทัศน์กล่าว

นายทัศน์ กล่าวต่อว่า บอร์ดของบริษัทได้อนุมัติการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต และลงทุนในธุรกิจชีวพลังงานต่อเนื่องคือ โรงงานผลิตเอทานอลในครั้งนี้ โดยการลงทุนดังกล่าวจะสร้างความแข็งแกร่งให้ศักยภาพทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทเป็นอันมาก เพราะนอกจากจะทำให้โรงงานน้ำตาลครบุรี มีกำลังการหีบเพิ่มขึ้นจนมีความได้เปรียบจากขนาด (Economies of Scale) แล้ว ยังทำให้ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทมากขึ้นด้วย เพราะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลคือ กากน้ำตาล ไปต่อยอดผลิตเป็นเอทานอลนั่นเอง

ปัจจุบัน โรงงงานน้ำตาลครบุรี มีกำลังหีบ 23,000 ตันอ้อยต่อวัน เมื่อดำเนินตามโครงการขยายกำลังการผลิตแล้วเสร็จจะมีกำลังหีบเพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ตันอ้อยต่อวัน การขยายกำลังผลิตดังกล่าวจะช่วยให้ต้นทุนผลิตต่อหน่วยลดลง และยังมีผลดีต่อการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อยของฝ่ายจัดหาวัตถุดิบของบริษัท เนื่องจากจะทำให้ปัญหารถอ้อยติดคิวเบาบางลง ทำให้ชาวไร่ที่มีศักยภาพของบริษัทมีความเชื่อมั่นที่จะขยายพื้นที่ปลูกอ้อยออกไปอีก

นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า และโรงงานเอทานอลที่รับวัตถุดิบจากโรงงานน้ำตาล ก็จะมีความมั่นคงด้านการจัดหาวัตถุดิบมากขึ้นด้วย สำหรับธุรกิจชีวมวลของกลุ่ม KBS ปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 35 เมกะวัตต์เป็นที่แล้วเสร็จ และจะขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ในปริมาณ 22 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะกำหนด SCOD ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 การลงทุนโครงการเอทานอลขนาด 200,000 ลิตรต่อวัน ที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจของบริษัทครบวงจรมากขึ้น โดยจะทำให้โรงงานน้ำตาลครบุรีเป็น Sugar Energy Complex ที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันสูง โรงงานเอทานอลที่อยู่ใน Sugar Energy Complex จะมีความได้เปรียบโรงงานเอทานอลเดี่ยว (Standalone Plant) เพราะประหยัดค่าขนส่งวัตถุดิบ และไม่ต้องลงทุนในภาชนะจัดเก็บวัตถุดิบและหน่วยผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม

โดยแหล่งที่มาของเงินทุนที่จะมาใช้ลงทุนในโครงการทั้ง 2  KBS จะได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากสถาบันการเงินประมาณ 2,700-3,100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากเงินทุนหมุนเวียน และเงินสดจากการดำเนินการของกลุ่มบริษัท โดยกลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี นอกจากนั้น บริษัทยังมีวอร์แรนต์ จำนวน 50 ล้านสิทธิเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนซึ่งถือโดยกลุ่มมิตซุย หากกลุ่มมุตซุย ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทจะได้รับเงินเพิ่มเติมอีก 635 ล้านบาท เมื่อคำนวณอัตราสัดส่วนหนี้สินต่อทุนหลังจากดำเนินการโครงการทั้ง 2 แล้ว ยังอยู่ให้ระดับที่ไม่สูงมาก เพราะที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมีนโยบายรักษาโครงสร้างเงินทุนแบบระมัดระวังมาตลอด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลครบุรี กล่าวอีกว่า โครงการลงทุนทั้ง 2 โครงการจะต้องได้รับการพิจารณา และอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ KBS ต่อไป โดยกำหนดวันประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2557 ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2557 หลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทจะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลาประมาณ 15 เดือน เพื่อสามารถเริ่มใช้โรงงานเอทานอล และกำลังการผลิตน้ำตาลใหม่ในฤดูการหีบ 2558/59

สำหรับผลประกอบการของ KBS ในไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ที่ผ่านมา KBS มีรายได้รวม 1,570.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 265.5 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 14.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำลง


กำลังโหลดความคิดเห็น