“น้ำตาลครบุรี” ตั้งเป้ารายได้โตแตะ 10-15% ทะลุ 6,700 ล้านบาท เหตุสภาพอากาศที่มีความแห้งแล้ง ทำให้ปริมาณอ้อยมีความหวานมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณอ้อยป้อนโรงหีบเพิ่มสูงขึ้น และรายได้จากการขายไฟฟ้าหนุน เผยตั้งงบ 1,000 ล้านบาท ต่อยอดธุรกิจตั้งโรงงานผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำตาลครบุรี หรือ KBS กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะโตที่ 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,900 ล้านบาท หรือมีรายได้แตะระดับ 6,700 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะทำกำไรสุทธิได้ดีกว่าปีก่อนซึ่งทำได้ 501 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณอ้อยที่จะเข้าโรงงาน และผลิตได้เพิ่มขึ้น 5% หรือคิดเป็น 2.6-2.7 ล้านตัน จากปีก่อนที่มีปริมาณอ้อย 2.55 ล้านตัน อย่างไรก็ดี จากสภาพอากาศแห้งแล้งในไทยส่งผลให้อ้อยที่จะนำมาผลิตน้ำตาลมีความหวานเพิ่มขึ้นมากโดยจะเพิ่มผลผลิตขึ้นอีกถึง 15% จากปริมาณเฉลี่ยของอ้อยสดที่นำเข้าโรงงานหีบอ้อย จำนวน 108 กิโลกรัมต่อ 1 ตันอ้อย เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปีก่อนที่ผลิตได้ 98 กิโลกรัมต่อ 1 ตันอ้อย
“ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าปริมาณอ้อยจะเพิ่มขึ้น 5% จากปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้ 15% เพราะสภาพอากาศที่มีความแห้งแล้งมากทำให้อ้อยมีความหวานเพิ่มขึ้น ตลอดถึงระบบออโตเมชันที่ปรับปรุงใหม่ช่วยให้กำลังการผลิตน้ำตาลมีปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นผลิตในส่วนของน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้นจากมาร์จิ้นของตลาดที่มีราคาสูงกว่าน้ำตาลทั่วไป รวมถึงรายได้จากโรงไฟฟ้าที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูงถึง 50% ทำให้อัตราเป้ารายได้ในการเติบโตปีนี้สูงขึ้นด้วย”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ โดยขายให้แก่การไฟฟ้า จำนวน 22 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถขายได้ในเดือนเมษายนปีนี้ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า 400 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 150 ล้านบาท ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปีก่อนที่อยู่ 18% จากประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ดีขึ้นในการผลิตน้ำตาลจากการควบคุมด้วยระบบออโตเมชัน รวมถึงบริษัทฯ มีการผลิตน้ำตาลทรายขาวสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่าน้ำตาลทั่วไป อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นราว 50%
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการนำกากน้ำตาลมาผลิตเอทานอล ซึ่งปริมาณกากน้ำตาลที่บริษัทผลิตได้ต่อปีอยู่ที่ 4 ล้าน โดยแบ่งเป็นการนำเข้าสู่กระบวนการผลิตเอทานอล จำนวน 2 ล้านตัน และขายเป็นกากน้ำตาลอีก 2 ล้านตัน ซึ่งบริษัทได้ตั้งงบลงทุนในการต่อสร้างโรงงานไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้ โดยจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 14 เดือน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดว่าสัดส่วนรายได้จะเพิ่มขึ้น 15-20% และกำไรที่ 30% ในปี 2559 ปีนี้ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 8-10% และสัดส่วนกำไรสุทธิ 15-20% ขณะเดียวกัน กลุ่มมิตซุย ซึ่งเป็นบริษัทน้ำตาลของประเทศญี่ปุ่น ที่ถือหุ้นของ KBS อยู่ 9% จะใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ จำนวน 50 ล้านหุ้น ภายในกลางปีหน้า
