“น้ำตาลครบุรี” โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 3/56 มีรายได้รวม 1,638.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 169.9 ล้านบาท ผลจากกำไรจากการขายกากน้ำตาลเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์เอทานอลในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นจากกนโยบายส่งเสริมของรัฐบาล ผลักดันให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น “ทัศน์ วนากรกุล” มั่นใจด้วยศักยภาพ และความแข็งแกร่ง บวกวิสัยทัศน์ และแผนธุรกิจจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นและผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่ฤดูเปิดหีบใหม่ 56/57 คาดจะหีบอ้อยได้มากกว่าปีก่อน ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวลจะเริ่มขายไฟให้แก่ กฟผ. ได้ในเดือนเมษายน
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3/2556 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,638.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 169.9 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,725 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.8 เนื่องจากบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ที่สูงขึ้นจากกากน้ำตาล ซึ่งเป็นผลจากปริมาณความต้องการเอทานอล อันเนื่องมาจากผลพวงของนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทดแทน ประกอบกับประชาชนเริ่มหันมานิยมใช้รถอีโคคาร์ (Eco Car) กันมากขึ้น เช่น E20 และ E85 เพื่อประหยัดพลังงาน
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/56 ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี เพราะเป็นการบริหารท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลง ประกอบกับราคาน้ำตาลตลาดโลกขณะนี้ที่เริ่มทรงตัว ซึ่งปัจจุบัน KBS มีสัดส่วนการจำหน่ายในต่างประเทศร้อยละ 75 อย่างไรก็ดี ส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านวิสัยทัศน์ แผนงาน การบริหารต้นทุน และบุคลากร ได้ช่วยเสริมความเชื่อมั่น และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สู่ความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้งในฐานะผู้นำทางธุรกิจ”
นายทัศน์ กล่าวต่อถึงกลยุทธ์บริษัทฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับแผนด้านการตลาด จากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการเสริมทัพความแข็งแกร่ง โดยการปรับโครงสร้างองค์กร รองรับการขยายงาน รวมทั้งได้ทีมจากกลุ่มมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น และทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจน้ำตาลเข้ามาช่วยผนึกกำลังเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านการตลาดที่จะสามารถขยายตลาดเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558
“ขณะนี้กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเปิดหีบปี 56/57 ช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ จะหีบอ้อยได้มากกว่าปีก่อนซึ่งมีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 2.54 ล้านตัน เนื่องจากสภาวพอากาศปีนี้ที่ฝนตกดีกว่าปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมทั้งเครื่องจักร และโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของโรงงานน้ำตาลให้สูงขึ้น”
สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลของ “บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด” ซึ่งจะผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,638 ล้านบาท มีกำหนดเริ่มขายไฟให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ประมาณเดือนเมษายน ปี 2557 และคาดว่าจะช่วยผลักดันผลประกอบการบริษัทฯ สู่เป้าหมายความสำเร็จที่หวังไว้
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3/2556 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,638.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 169.9 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,725 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.8 เนื่องจากบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ที่สูงขึ้นจากกากน้ำตาล ซึ่งเป็นผลจากปริมาณความต้องการเอทานอล อันเนื่องมาจากผลพวงของนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทดแทน ประกอบกับประชาชนเริ่มหันมานิยมใช้รถอีโคคาร์ (Eco Car) กันมากขึ้น เช่น E20 และ E85 เพื่อประหยัดพลังงาน
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/56 ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี เพราะเป็นการบริหารท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอลง ประกอบกับราคาน้ำตาลตลาดโลกขณะนี้ที่เริ่มทรงตัว ซึ่งปัจจุบัน KBS มีสัดส่วนการจำหน่ายในต่างประเทศร้อยละ 75 อย่างไรก็ดี ส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านวิสัยทัศน์ แผนงาน การบริหารต้นทุน และบุคลากร ได้ช่วยเสริมความเชื่อมั่น และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สู่ความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้งในฐานะผู้นำทางธุรกิจ”
นายทัศน์ กล่าวต่อถึงกลยุทธ์บริษัทฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับแผนด้านการตลาด จากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการเสริมทัพความแข็งแกร่ง โดยการปรับโครงสร้างองค์กร รองรับการขยายงาน รวมทั้งได้ทีมจากกลุ่มมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น และทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจน้ำตาลเข้ามาช่วยผนึกกำลังเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านการตลาดที่จะสามารถขยายตลาดเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558
“ขณะนี้กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเปิดหีบปี 56/57 ช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ จะหีบอ้อยได้มากกว่าปีก่อนซึ่งมีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 2.54 ล้านตัน เนื่องจากสภาวพอากาศปีนี้ที่ฝนตกดีกว่าปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมทั้งเครื่องจักร และโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของโรงงานน้ำตาลให้สูงขึ้น”
สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลของ “บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด” ซึ่งจะผลิตไฟฟ้าจากกากอ้อย กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 1,638 ล้านบาท มีกำหนดเริ่มขายไฟให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ประมาณเดือนเมษายน ปี 2557 และคาดว่าจะช่วยผลักดันผลประกอบการบริษัทฯ สู่เป้าหมายความสำเร็จที่หวังไว้