“พฤกษาฯ” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/57 กำไร 1,063.9 ล้านบาท โต 13.2% ท่ามกลางวิกฤตการเมือง กวาดรายได้ 8,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เผยมาจากขยายลงทุนทาวน์เฮาส์เพิ่ม ลดเวลาก่อสร้าง ส่งมอบเร็ว ส่งผลยอดขายทาวน์เฮาส์ทะลุ 5,123 ล้านบาท ยอมรับอัดงบส่งเสริมการขาย-โฆษณาเพิ่มส่งผลค่าบริหารงานขายเพิ่มตาม
น.ส.สุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์ กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีการเงิน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และรวมของบริษัทย่อย งวดไตรมาส 1/57 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2557 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,063.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 13.2 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 290.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.6 โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์
บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 8,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,714.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/56 ที่มีจำนวน 6,339.4 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากรายได้จากการขายทาวน์เฮาส์ 5,123 ล้านบาท ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ และบริษัทย่อย โดยเพิ่มขึ้น 1,316 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.6 ซึ่งเป็นผลจากการขยายการลงทุนในโครงการต่างๆ และความสามารถลดระยะเวลาในการก่อสร้างบ้าน และเร่งส่งมอบบ้านให้ลูกค้า ทำให้รายได้จากทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้นมากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายทาวน์เฮาส์ 3,807 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 1,945 ล้านบาท ลดลง 152 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 7.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากบ้านเดี่ยว 2,097 ล้านบาท และรายได้จากอาคารชุด 803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 211.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 258 ล้านบาท เนื่องจากโครงการอาคารชุดสร้างเสร็จ และรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 จึงทำให้รายได้จากอาคารชุดเพิ่มมากขึ้น
สำหรับไตรมาส 1/57 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ 5,101.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 63.6 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีจำนวน 4,148.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 65.7 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารในไตรมาส 1/57 มีจำนวน 1,468.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 295.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย 655.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาประชาสัมพันธ์ และค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น 76.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น 55.2 ล้านบาท และ 6.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1และร้อยละ 15.5 ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มตามรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์
ค่าใช้จ่ายจากการบริหาร 813.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายของพนักงาน จำนวน 117.3 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายบริหารอื่นๆ 29.5 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงิน 98.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 13.9 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.4
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 321.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้รวม สูงกว่าปีก่อน 161.5 ล้านบาท เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ของบริษัท และบริษัทย่อย อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 23.2 ของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ในขณะที่ปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 17.2 ของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ เนื่องจากรายได้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในโครงการ BOI ลดลง 65.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งอัตราภาษีเงินได้ของหน่วยงานต่างประเทศแห่งหนึ่งมีอัตราร้อยละ 32.45