ธนาคารโลกระบุในรายงานฉบับปรับปรุงล่าสุดว่า ปีนี้เอเชียตะวันออกจะยังคงขยายตัวไปได้ในระดับ 7.1% จากการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก และความสามารถในการต้านทานผลกระทบจากการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของอเมริกา อย่างไรก็ดี สำหรับไทยนั้นจะถูกวิกฤตการเมืองยืดเยื้อเป็นตัวถ่วงทั้งในด้านการเจริญเติบโตช่วงใกล้ๆ และการพัฒนาในระยะยาว
รายงานภาวะเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับปรับปรุงล่าสุดของธนาคารโลกที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (7) คาดการณ์ว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเอเชียตะวันออกในปีนี้และปีหน้าจะยังคงอยู่ที่ 7.1% เท่ากับปีที่ผ่านมา ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่โตเร็วที่สุดในโลก
กระนั้น อัตราเติบโตดังกล่าวถือว่า ลดลงจากอัตราเฉลี่ย 8% ซึ่งทำได้ในช่วงระหว่างปี 2009-2013
ทั้งนี้ จีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย จะมีอัตราเติบโตขยับลงอยู่ที่ 7.6% ในปีนี้ จาก 7.7% ในปี 2013 เนื่องจากการสานต่อมาตรการปฏิรูป สำหรับปีหน้า ตัวเลขคาดการณ์ยังคงอยู่ที่ 7.5%
หากไม่นับรวมจีน ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้จะขยายตัว 5.0% จาก 5.2% ในปีที่ผ่านมา
แอ็กเซล แวน ทรอตเซนเบิร์ก รองประธานธนาคารโลกประจำเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกแถลงว่า การเติบโตเข้มแข็งของเอเชียในปีนี้จะช่วยให้ภูมิภาคมีการขยายตัวอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ลำบากเข้มงวดมากขึ้น
ในส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดในรายงานฉบับปรับปรุงล่าสุดนี้คือ ไทยและพม่า
ธนาคารโลกลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3.0% ในปีนี้ และ 4.5% ในปีหน้า จาก 4.5% และ 5.0% ตามลำดับ พร้อมคาดหมายว่า การฟื้นตัวของความต้องการจากภายนอกจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย
ทว่า สำหรับความต้องการภายในจะยังคงซบเซาเนื่องจากวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยว โครงการลงทุนสาธารณะ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
“ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อต่อไป ยังจะทำให้รัฐบาลไทยละเลยที่จะมุ่งเน้นปัญหาการพัฒนาระยะยาว เช่น การยกระดับทักษะและความสามารถในการแข่งขัน ในทางกลับกัน หากความวุ่นวายจบลง เศรษฐกิจปีนี้จะเข้มแข็งขึ้น”
รายงานภาวะเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับปรับปรุงล่าสุดของธนาคารโลกที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (7) คาดการณ์ว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเอเชียตะวันออกในปีนี้และปีหน้าจะยังคงอยู่ที่ 7.1% เท่ากับปีที่ผ่านมา ทำให้ภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่โตเร็วที่สุดในโลก
กระนั้น อัตราเติบโตดังกล่าวถือว่า ลดลงจากอัตราเฉลี่ย 8% ซึ่งทำได้ในช่วงระหว่างปี 2009-2013
ทั้งนี้ จีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย จะมีอัตราเติบโตขยับลงอยู่ที่ 7.6% ในปีนี้ จาก 7.7% ในปี 2013 เนื่องจากการสานต่อมาตรการปฏิรูป สำหรับปีหน้า ตัวเลขคาดการณ์ยังคงอยู่ที่ 7.5%
หากไม่นับรวมจีน ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้จะขยายตัว 5.0% จาก 5.2% ในปีที่ผ่านมา
แอ็กเซล แวน ทรอตเซนเบิร์ก รองประธานธนาคารโลกประจำเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกแถลงว่า การเติบโตเข้มแข็งของเอเชียในปีนี้จะช่วยให้ภูมิภาคมีการขยายตัวอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ลำบากเข้มงวดมากขึ้น
ในส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดในรายงานฉบับปรับปรุงล่าสุดนี้คือ ไทยและพม่า
ธนาคารโลกลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3.0% ในปีนี้ และ 4.5% ในปีหน้า จาก 4.5% และ 5.0% ตามลำดับ พร้อมคาดหมายว่า การฟื้นตัวของความต้องการจากภายนอกจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย
ทว่า สำหรับความต้องการภายในจะยังคงซบเซาเนื่องจากวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยว โครงการลงทุนสาธารณะ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
“ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อต่อไป ยังจะทำให้รัฐบาลไทยละเลยที่จะมุ่งเน้นปัญหาการพัฒนาระยะยาว เช่น การยกระดับทักษะและความสามารถในการแข่งขัน ในทางกลับกัน หากความวุ่นวายจบลง เศรษฐกิจปีนี้จะเข้มแข็งขึ้น”