“โกลว์ พลังงาน” ไตรมาสแรกปีนี้กวาดรายได้รวม 18,197 ล้านบาท มี EBITDA 4,734 ล้านบาท ผู้บริหารแย้มโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยันมาตรฐานบัญชีไทยได้นำมาตรฐานเกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน (Financial Lease) ของ International Financial Reporting Standard (IFRS) มาใช้ จะมีผลกระทบต่อวิธีการลงบัญชีเท่านั้น มิได้มีผลต่อกระแสเงินสด และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของโกลว์ไอพีพี
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW กล่าวว่า “ผลการดำเนินการของเราในไตรมาสที่ 1 ปี 57 นี้ยังคงแข็งแกร่ง โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าไอพีพีถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์ ที่เราถือหุ้น 65% มีผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยหากไม่รวมการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน 2 อาทิตย์ในช่วงเดือนมกราคมแล้ว ถือว่าโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ดำเนินการได้เป็นอย่างดีตลอดทั้งไตรมาสนี้ ด้านโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 152 เมกะวัตต์ที่ GLOW ถือหุ้น 67.25% นั้น ภายหลังจากที่การซ่อมแซมสายส่งที่เสียหายมาตั้งแต่เดือนกันยายน 56 แล้วเสร็จ ก็ได้กลับมาเริ่มส่งไฟฟ้าให้ กฟผ. ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยยอดขายไฟฟ้าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคมปีนี้รวมกันสูงกว่ายอดขายตลอดไตรมาส 1 ปี56 กว่า 20% ส่วนในด้านธุรกิจโคเจนเนอเรชัน ยอดขาย และอัตรากำไรยังคงมีเสถียรภาพต่อเนื่อง แม้ว่าบริษัทจะหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้า CFB1 และ CFB2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่นถ่านหินขนาด 150 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าระยะที่ 5 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชันก๊าซธรรมชาติขนาด 382 เมกะวัตต์ ในไตรมาสนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ ผลงานไตรมาสแรกปี 57 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง และโกลว์ไอพีพีเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่เรื่องสัญญาเช่าการเงิน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป มาตรฐานบัญชีไทยได้นำมาตรฐานเกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน (Financial Lease) ของ International Financial Reporting Standard (IFRS) มาใช้ ซึ่งสินทรัพย์เดียวของกลุ่มบริษัทโกลว์ที่เข้าข่ายนำมาตรฐานดังกล่าวมาใช้คือ โกลว์ไอพีพี (โรงไฟฟ้าไอพีพีก๊าซธรรมชาติขนาด 713 เมกะวัตต์ ซึ่งโกลว์ถือหุ้น 95%) การเปลี่ยนแปลงการบันทึกบัญชีที่สำคัญคือ การบันทึกอาคาร ที่ดิน และอุปกรณ์ (ตลอดจนการบันทึกค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ดังกล่าว) และการรับรู้รายได้ค่าความพร้อมจ่าย (ซึ่งปรับมาเป็นการรับรู้ในรูปรายได้จากสัญญาเช่าการเงินแทน)
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อวิธีการลงบัญชีเท่านั้น มิได้มีผลต่อกระแสเงินสด และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของโกลว์ไอพีพีแต่อย่างใด ดังนั้น จึงยังคงวิเคราะห์ผลการดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชีเดิม และยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำไว้เท่ากับ 50% ของ NNP ซึ่งไม่รวมรายการปรับปรุงต่างๆ เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน ทั้งนี้ เนื่องจากแม้การรับรู้รายได้ทางบัญชีจะเปลี่ยนไปแต่กระแสเงินสดจากการดำเนินการของโกลว์ไอพีพีมิได้เปลี่ยนแปลง
ขณะที่ EBITDA และ NNP ไตรมาสที่ 1 ปี 57 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6% และ 3% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 56 และไตรมาสแรก กลุ่มบริษัทโกลว์ มีรายได้รวม 18,197 ล้านบาท มี EBITDA 4,734 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,582 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลข Normalized Net Profit (NNP) ซึ่งไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน 2,076 ล้านบาท
