ปิดตลาดหุ้นวันที่ 23 เมษายน 2557 ดัชนีอยู่ที่ 1,423.39 จุด เพิ่มขึ้น 8.34 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,608.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.59% โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,424.99 จุด และลงต่ำสุดที่ 1,417.83 จุด
นักวิเคระห์ บล.คันทรี่ สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวันนี้ สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก Fund Flow ที่ไหลเข้า และปัญหาการเมืองที่ลดความร้อนแรง ปิดตลาดเช้า SET บวก +5.68 จุด ปิดที่ 1,420.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตลาดหุ้นรอบบ้านเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง หลังการรายงานตัวเลข PMI ของจีนที่แม้จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงสร้างความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
พร้อมคาดการณ์แนวโน้มดัชนีพรุ่งนี้ ยังน่าจะแกว่งตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายวันนี้ที่เริ่มหนาแน่นขึ้นในช่วงบ่าย หลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติ รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติขยายเวลาคดี ถวิล เปลี่ยนศรี รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% ต่อปี โดยมีผลทันที เนื่องจากเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP จะขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมที่ 2.7% จากผลกระทบทางการเมืองเป็นหลัก แต่โดยภาพ Fund Flow ที่ไหลเข้าจะยังคงต่อเนื่อง และน่าจะเพิ่มน้ำหนักเข้ามามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคดาว่า ดัชนีจะยังคงปรับขึ้นไม่มากนักหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองยังคงไม่ชัดเจนจากการหารือเรื่องวันเลือกตั้งใหม่ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงการรับคำร้องขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญของนายกฯ กรณีการโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ยังอยู่ในกรอบแคบ หลังปรับลงในเมื่อเช้านี้สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยคืนนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสถานการณ์ในยูเครน
โดยหลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL