“อินเตอร์ เรียลตี้” เผยยอดผู้ใช้บริการไตรมาสแรกเพิ่มสูง ทั้งใน กทม.-ตจว. ขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อนหน้า ชี้อสังริมทรัพย์บางส่วนยังขาดความรู้ด้านกฎหมาย ส่งผลผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ พร้อมเดินหน้าจับมือสมาคมอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นเปิดเวทีสัมมนาให้ความรู้ถึงบทบาทของผู้ประกอบการ และหน้าที่ของผู้บริโภค รองรับการขยายตัวของธุรกิจบ้านจัดสรร และคอนโดฯ ต่างจังหวัดขยายตัว
นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (IRM) กล่าวว่า ไตรมาสแรกมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งอาคารชุด และบ้านจัดสรรใน กทม.และต่างจังหวัดใช้บริการ IRM ให้บริการหลังการขายแก่ผู้อยู่อาศัย รวมทั้งบริหารทรัพย์สินต่างๆ ในโครงการเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 56
โดยในไตรมาสแรก มีผู้ประกอบการใช้บริการของบริษัทกว่า 10 โครงการ ในขณะที่ปีที่ผ่านมามีเพียง 5 โครงการเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้มีโครงการจัดสรรในทำเลต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาสที่ 2 จะมีโครงการที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ ในภาคอีสานเข้ามาใช้บริการกับ IRM เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 12 โครงการ โดยประมาณการจากในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีการเซ็น MOU กับผู้ประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา มหาสารคาม และอุดรธานี จำนวน 4 โครงการ และกรุงเทพฯ 2 โครงการ
“แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัดให้ความสนใจเรื่องการบริหารหลังการขาย และการบริหารทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ดังนั้น IRM จึงมีแผนที่จะจัดกิจกรรมสัมมนาเพื่อทำความเข้าใจแก่ผู้บริโภค และผู้ประกอบการในเรื่องบทบาท และหน้าของตนเอง เช่น ผู้ประกอบการจะต้องมีบทบาทอย่างไรต่อความรับผิดชอบต่างๆ หลังจากที่ปิดโครงการแล้ว และต้องปฏิบัติต่ออยู่อยู่อาศัยในโครงการอย่างไรหลังจากที่โอนทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่นิติบุคคล ฯลฯ”
ด้านผู้บริโภคนอกจากต้องเข้าใจ และทราบว่าตนเองมีหน้าที่ รวมทั้งปฏิบัติตนอย่างไรเมื่ออยู่ร่วมกันในชุมชน และอาคารแล้ว ยังต้องเข้าใจว่าจะมีการตรวจสอบอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ เนื่องจากในปัจจุบัน ยังมีโครงการที่ดำเนินงานซึ่งจ้องเอาเปรียบผู้บริโภค และเจ้าของโครงการปะปนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการบริหารชุมชน และอาคารชุดที่ต้องระมัดระวัง
นายธนันทร์เอก กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ที่ร่วมทำงานกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ในท้องถิ่น พบว่า ผู้ประกอบการบางรายไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย จึงดำเนินการในบางขั้นตอนที่ผิดต่อ พ.ร.บ.อาคารชุดและบ้านจัดสรร ทั้งนี้ ความไม่โปร่งใสบางอย่างมีผลต่อการบริหารทรัพย์สิน นอกจากนี้แล้ว ผู้บริโภคที่ซื้อบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมยังต้องรู้ว่าหลังจากที่ตัดสินใจซื้อแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อมิให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ เช่น การวัดพื้นที่จริงของบ้านและอาคารชุดว่าตรงกับในสัญญาซื้อ-ขายหรือไม่ เนื่องจากราคาต่อตารางเมตรค่อนข้างสูง
ขณะที่การกำหนดพื้นที่ขายกับพื้นที่จริงนั้นไม่ตรงกัน เพราะบางห้องมีพื้นที่เสาอาคารยื่นเข้ามาบนพื้นที่ใช้สอย เพื่อเป็นการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว IRM จึงจะประสานกับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละจังหวัด รวมทั้งองค์กร และสถาบันที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ จัดสัมมนาเพื่อทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ และผู้บริโภคในท้องถิ่นให้รู้บทบาทของตนเอง เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอาคาร และชุมชนในภายหลัง ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิต สภาพแวดล้อมของชุมชน และคุณค่าของโครงการด้วย