หุ้นเปิดลบ 1 จุด สวนทางตลาดในภูมิภาค คาดดัชนีแกว่งตัวโดยมีแรงขายทำกำไร เนื่องจากดัชนีเข้าใกล้ 1,400 จุด ลุ้นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ หนุนหุ้นไทยเดินหน้าบวกต่อเนื่อง
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 เม.ย.) ดัชนีเปิดในแดนลบ โดยเมื่อเวลา 09.57 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,395.59 จุด ลดลง 1.03 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.07% มูลค่าการซื้อขาย 843.14 ล้านบาท ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,393.84 จุด ลดลง 2.78 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.20% มูลค่าการซื้อขาย 1,377.25 ล้านบาท สวนทางตลาดในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นบวก
นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ยอมรับว่า ความท้าทายของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ก็คือ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายวัน จนกระทั่งกำลังเข้าใกล้แนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 1,400 จุด จึงต้องติดตามว่าจะสามารถผ่านด่านดังกล่าวไปได้สำเร็จหรือไม่
ขณะที่นักวิเคราะห์เริ่มเห็นถึงพายุฤดูร้อน (ปัจจัยการเมืองที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นในลำดับต่อไป) เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้ไปถึงช่วงหลังสงกรานต์ โดยมีมุมมองเห็นว่า โอกาสที่ดัชนีตลาดจะปรับขึ้นทะลุ 1,400 จุด ยังเป็นไปได้ หากพิจารณาจากบรรยากาศทางการเมืองยังไม่มีการนองเลือด แต่ความเสี่ยงจากการขายทำกำไรระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น จึงคาดว่า ความผันผวนของตลาดอาจตามมาในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ได้ให้กรอบดัชนีฯ วันนี้ในช่วง 1,390-1,400 จุด
นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ ระบุทิศทางตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงปรับฐานจากแรงขายเก็งกำไร โดยดัชนีกำลังทดสอบแนวต้าน 1,394 จุด และมีลุ้นไป 1,400-1,405 จุด ตามปัจจัยบวกเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ ISM สหรัฐฯ และ PMI จีนดีขึ้นบวกกับความคาดหวังว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนให้เกิดภาวะเงินทุนไหลกลับตลาดเกิดใหม่ (EMs)
แต่ภาวะการเมืองในประเทศกำลังเริ่มทวีความรุนแรง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับวินิจฉัยคำร้องของ ส.ว. 28 คน ขอให้ศาลฯ วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาคดี โยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมิชอบ พร้อมทั้งให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน (ครบกำหนด 17 เม.ย.2557) และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการวินิจฉัยออกมาในช่วงเดือน เม.ย.2557 หากคำวินิจฉัย นายกรัฐมนตรีมีความผิด ก็จะทำให้ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และกระทบไปยังสถานะของคณะรัฐมนตรีที่ต้องสิ้นสุดลงไปตามด้วย
