บมจ.สุธากัญจน์ หรือ SUTHA พร้อมเข้าเทรด IPO ในราคา 3.70 บาท/หุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ฯ พรุ่งนี้ ตั้งเป้าระดมทุน 1,110 ล้านบาท เผยจะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายกำลังการผลิตลงทุนในระบบ และเครื่องบดถ่านหิน และธุรกิจเผาหินปูนเป็นปูนขาวร้อน ในประเทศอินโดนีเซีย
นายเกียรติกุล มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สุธากัญจน์ หรือ SUTHA กล่าวว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายกำลังการผลิตลงทุนในระบบ และเครื่องบดถ่านหิน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศในอนาคต และลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปูนขาว โดยเมื่อมิถุนายน 2556 บริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) กับบริษัทในกลุ่มของรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่รายหนึ่งของอินโดนีเซียในการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อจัดตั้งกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ที่จะดำเนินธุรกิจเผาหินปูนเป็นปูนขาวร้อน (Quick lime) ในประเทศอินโดนีเซีย
ขณะที่ นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า บมจ.สุธากัญจน์ หรือ SUTHA จะเข้าจดทะเบียนและเริ่ม ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2557 นี้ โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนลำดับที่ 3 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีนี้ โดย SUTHA ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ประเภทปูนขาว (แคลเซียมออกไซด์ และแคลเซียมไฮดรอกไซด์) แคลเซียมคาร์บอเนต สำหรับใช้ในกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เคมี น้ำตาล เหมืองแร่ เยื่อและกระดาษ เป็นต้น
ทั้งนี้ บมจ.สุธากัญจน์ SUTHA มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO ในราคาหุ้นละ 3.70 บาท เมื่อวันที่ 26-28 มีนาคม 2557 มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,110 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม หลังจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO สัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท 3 ลำดับแรก ได้แก่ ครอบครัวมนต์เสรีนุสรณ์ ถือหุ้น 70.17% น.ส.ต้องรัก กิจวัฒนชัย ถือหุ้น 1.67% และ น.ส.ณัฐฐิญา ทองเจริญ ถือหุ้น 1.17% ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 11 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 4 ปี 2556) และหารด้วยจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.34 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท (ระหว่างวันที่ 7 มีนาคม 2556-7 มีนาคม 2557) เท่ากับ 13.8 เท่า อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี