“ทิสโก้ เวลธ์” ประเมินเหตุการณ์ “รัสเซีย-ยูเครน” ไม่ถึงขั้นลุกลามเป็นสงคราม เชื่อกดดันตลาดหุ้นโลกระยะสั้น ถือเป็นโอกาสเข้าลงทุน แนะลงทุน “เอเชียเหนือ-ญี่ปุ่น” ฟันส่วนต่างผลตอบแทนสูง
นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ กล่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย และยูเครนที่เพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่รัสเซียได้ทำการฝึกซ้อมกำลังทหารที่ชายแดนระหว่างรัสเซีย และยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์และพลเมืองเชื้อสายรัสเซีย ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่สหรัฐฯ และยุโรป ที่จะดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยมองว่ามาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวไม่มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และชาติตะวันตก จะไม่ลุกลามเป็นสงคราม ดังนั้น จึงเป็นปัจจัยกดดันตลาดระยะสั้นเท่านั้น
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เช่น ดัชนีหุ้นยุโรป Euro STOXX50 ปรับลดลง 1.5%, ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ปรับลดลง 1.2%, ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 ปรับลดลง 3%, ดัชนีหุ้นจีน HSCEI ปรับลดลง 4.2% ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงควรทยอยขายหุ้นไทยที่เริ่มมีอัปไซด์จำกัด และเข้าลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียเหนือ และญี่ปุ่น ซึ่งปรับตัวลงแรงแต่ตัวเลขเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งในระยะยาว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นต่างประเทศย่อตัวลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีประเด็นเรื่องรัสเซีย และยูเครน ซึ่งจะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นๆ แต่เราเชื่อว่าความขัดแย้งในยูเครนจะไม่ลุกลามไปสู่สงคราม และการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาตินั้นมีโอกาสเป็นไปได้น้อย ดังนั้น ช่วงที่หุ้นต่างประเทศปรับลดลงมาจากความกังวลในยูเครน
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากการเมืองที่เริ่มผ่อนคลาย โดย SET มีแนวโน้มปรับเข้าใกล้ 1,400 จุด และมีอัปไซด์เหลือไม่ถึง 5%จากเป้าหมายปีนี้ที่ 1,450 จุด จึงแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่น และหุ้นเอเชียเหนือ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีอัปไซด์ที่ดี เนื่องจากอัตราการขยายตัวของกำไรที่สูงโดดเด่นถึง 17% ในปีนี้ และด้วย P/B ที่ยังต่ำเพียง 1.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่ 1.8 เท่า ทำให้หุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในปีนี้
ส่วนเอเชียเหนือ จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรปที่ฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่ยังเทรดที่ P/E และ P/B ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งด้วยแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับ Valuation ที่ยังถูก จะทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเหนือสามารถดึงดูดเงินลงทุนที่จะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ได้เป็นจำนวนมาก และทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเหนือสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในปีนี้