ทิสโก้ เวลธ์ แนะชิงจังหวะลงทุนต่างประเทศช่วงปรับฐานจากความขัดแย้งในยูเครน มั่นใจไม่ปะทุเป็นสงคราม และมีอัปไซด์มากกว่าหุ้นไทย ระบุตลาดญี่ปุ่นเด่นสุด ราคาถูกแถมอัตราขยายตัวของกำไรสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เช่น ดัชนีหุ้นยุโรป Euro STOXX50 ปรับลดลง 1.5%, ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ปรับลดลง 1.2%, ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225 ปรับลดลง 3%, ดัชนีหุ้นจีน HSCEI ปรับลดลง 4.2% ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงควรทยอยขายหุ้นไทยที่เริ่มมีอัปไซด์จำกัด และเข้าลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียเหนือและญี่ปุ่น ซึ่งปรับตัวลงแรงแต่ตัวเลขเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งในระยะยาว
“ช่วงที่หุ้นต่างประเทศปรับลดลงมาจากความกังวลในยูเครน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากการเมืองที่เริ่มผ่อนคลาย โดย SET มีแนวโน้มปรับเข้าใกล้ 1,400 จุด และมีอัปไซต์เหลือไม่ถึง 5% จากเป้าหมายปีนี้ที่ 1,450 จุด จึงแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่น และหุ้นเอเชียเหนือ”
ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นต่างประเทศย่อตัวลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากประเด็นเรื่องรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นๆ แต่บริษัทเชื่อว่าความขัดแย้งในยูเครนจะไม่ลุกลามไปสู่สงคราม และการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาตินั้นมีโอกาสเป็นไปได้น้อย
นอกจากนี้ บริษัทมองว่ามาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวไม่มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกจะไม่ลุกลามเป็นสงคราม ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยกดดันตลาดระยะสั้นเท่านั้น
นายคมศรกล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมี Upside ที่ดีเนื่องจากอัตราการขยายตัวของกำไรที่สูงโดดเด่นถึง 17% ในปีนี้ และด้วย P/B ที่ยังต่ำเพียง 1.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่ 1.8 เท่า ทำให้หุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในปีนี้ ส่วนเอเชียเหนือจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรปที่ฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่ยังเทรดที่ P/E และ P/B ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งด้วยแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับ Valuation ที่ยังถูก จะทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเหนือสามารถดึงดูดเงินลงทุนที่จะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ได้เป็นจำนวนมาก และทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเหนือสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในปีนี้