หุ้นเช้าเปิดร่วง 5.99 จุด ตามตลาดในต่างประเทศ กังวลคาบสมุทรไครเมียกลับมาตึงเครียด คาดดัชนีฯ ปรับลงแค่รับข่าวในช่วงสั้น และปรับตัวลงไม่มาก เพราะประเมินสถานการณ์รอบนี้น่าจะเป็นเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่ตลาดยังมีโอกาสฟื้นตัว เพราะรัฐบาลเตรียมใช้ พ.ร.บ.มั่นคง แทนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กำลังหมดอายุ
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวลงตามทิศทางตลาดภูมิภาค และตลาดทั่วโลกที่ปรับลงประมาณ 1% โดยเมื่อเวลา 09.58 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,364.51 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 1,333.27 ล้านบาท
เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนที่กลับมาตึงเครียด ภายหลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่า ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังทหารไปประชิดที่ยูเครนอีกครั้ง และทางรัฐสภาของยูเครนก็ได้ตั้งกองกำลังพิเศษขึ้นมาเพื่อปกป้องประเทศ
ขณะเดียวกัน ก็ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงไม่มาก และมีโอกาสที่จะฟื้นได้ในช่วงบ่าย เนื่องจากทางศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้เตรียมที่จะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน หลังจากที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้หมดอายุลง ในการประชุม ครม.ครั้งหน้า ซึ่งจะช่วยทำให้ Sentiment แข็งแรงขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรไครเมีย มีผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำประชามติของชาวไครเมียในวันที่ 16 มี.ค.นี้ จะสร้างผลกดดันระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน พร้อมด้วยประเทศพันธมิตรตะวันตก ซึ่งจะส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ และทองคำให้ขยับขึ้นแรงได้ในต้นสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ได้ประเมินเอาไว้ หุ้นกลุ่มน้ำมัน โรงกลั่น ปิโตรเคมี และปูนใหญ่ จะขยับขึ้นเด่น และผลักดันให้ดัชนีฯ ไต่ระดับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,380-1,400 จุดในรอบนี้
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์ฯ ให้น้ำหนักต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ ซึ่งทาง Bloomberg consensus ได้คาดว่า เฟดจะลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) เป็นครั้งที่ 3 อีก 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ดังนั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำให้ “เข้าเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงิน” ต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น กลุ่มท่องเที่ยว ต่อประเด็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ใกล้หมดอายุลง กลุ่มที่อยู่อาศัย ต่อประเด็นบวกของอัตราดอกเบี้ย หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะ
