หุ้นปิดครึ่งวันเช้าร่วง 5.92 จุด ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ นักลงทุนกังวลปัญหายูเครนส่อรุนแรง คาดบ่ายอาจซึมต่อเนื่อง แต่ยังมีลุ้นรีบาวนด์หากประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมให้กรอบ 1,355-1,375 จุด
ภ่วะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 มี.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,364.58 จุด ปรับตัวลดลง 5.92 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.43% มูลค่าการซื้อขาย 13,926.14 ล้านบาท ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศ
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ต่างก็ปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดเวียดนามที่บวกได้ ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรงจากความกังวลสถานการณ์ในยูเครน
สำหรับตลาดบ้านเรามองว่าเป็นแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นเร็ว และแรง โดยมีปัจจัยจากต่างประเทศมาเป็นตัวสนับสนุนการขาย แต่มองว่าตลาดมีการปรับตัวลงมา ก็เป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อรอลุ้นสัปดาห์หน้า ในประเด็นการคาดหวังการยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วหันมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทน จะเปลี่ยนจากภาพลบเป็นบวกได้ และหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว การบิน จะได้รับอานิสงส์ มองลำดับการขึ้นของดัชนีฯ ในสัปดาห์หน้าไว้ที่ 1,380-1,400 จุด
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดว่าตลาดจะยังคงแกว่งตัวบริเวณใกล้เคียงกับช่วงเช้า เว้นแต่จะมีการเข้ามาเก็งเรื่องการยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็อาจจะทำให้เห็นภาพตลาดฯ เป็นรีบาวนด์กลับขึ้นได้บ้าง พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,355-1,375 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
PCSGH มูลค่าการซื้อขาย 1,454.22 ล้านบาท ปิดที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,350.16 ล้านบาท ปิดที่ 7.60 บาท ลดลง 0.05 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 741.63 ล้านบาท ปิดที่ 294.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 573.89 ล้านบาท ปิดที่ 215.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 506.73 ล้านบาท ปิดที่ 170.50 บาท ลดลง 1.50 บาท