หุ้นเปิดบวก 7 จุด นักวิเคราะห์เผยดัชนียังมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,250 จุด แต่อาจเจอแรงขายทำกำไร เผยปัจจัยหนุนรัฐยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการลด ดบ.นโยบาย แนะจับตาแรงขายกองทุน Trigger Funds ที่จะทยอยปิดกองทุนจนถึงสิ้นเดือนนี้ 5-6 พันล้านบาท
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 มี.ค.) ดัชนีเปิดในแดนบวก โดยเมื่อเวลา 10.06 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,346.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.56 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.56% มูลค่าการซื้อขาย 2,689.29 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เชื่อว่า ดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,350 จุดเหมือนเดิม นักลงทุนเริ่มกลับมาทยอยซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง รวมทั้งเก็งกำไรในหุ้นพื้นฐานดีราคาต่ำ (Under-priced) ได้แล้ว ขณะที่มุมมองต่อปัจจัยการเมืองยังคงไว้ว่า สถานการณ์การเมืองไทยอยู่ในทิศทางที่กำลังคลี่คลายในขณะนี้
ส่วนปัจจัยลบจากต่างประเทศ (ยูเครน และเกาหลีเหนือ) เราเห็นว่า ไม่มีนัยสำคัญทางลบต่อตลาดหุ้นไทย แต่อาจเป็นเหตุให้แกว่งตัวช่วงสั้นหลังราคาหุ้นปรับขึ้นแรงเมื่อวาน เนื่องจาก SET Index ถูกแรงกดดันมาเป็นเวลาหลายเดือน จึงอยู่ในภาวะ underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก
แต่ยังเห็นถึงปัจจัยบวกในลำดับต่อไป 2 เรื่องคือ 1) โอกาสในการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างบรรยากาศในการเจรจาที่ดี และ 2) ความเป็นไปได้ที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในวันที่ 12 มี.ค.57 เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองต่อเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรกของปี 57 คาดว่า SET วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,330-1,345 จุด (ไม่เกิน 1,350 จุด)
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีจะยังไม่น่าผ่านแนวต้านหลัก 1,350 จุดได้ หลังปรับขึ้นมาอย่างโดดเด่นตลอด 5 วันทำการ รวม 38 จุดหรือเกือบ 3%
ขณะที่ Downside Risk จำกัดเช่นกัน แนวรับบริเวณ 1,320 จุด จะยังทำงานได้ดีในสายตาของนักวิเคราะห์ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างยูเครน และรัสเซีย สร้างความเสี่ยงต่อแหล่งผลิตก๊าซ เอื้อต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีทิศทางขยับขึ้นแตะระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้ดัชนีฯ ปรับฐานลงไม่ใช่ความตึงเครียดทางการเมือง แต่ในความเห็นของเราเชื่อว่าจะเป็นการขายของกองทุน Trigger Funds ที่จะทยอยปิดกองทุนจนถึงสิ้นเดือนนี้ 5-6 พันล้านบาท เมื่อราคาหุ้นหลักไต่ระดับขึ้นอย่างโดดเด่น กลายเป็นการเปิดโอกาสให้แก่กองทุนกลุ่มนี้
