xs
xsm
sm
md
lg

“จรัมพร” คาดหุ้นไทยยังไม่วิกฤต เผยครึ่งปีหลังสดใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท
ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยเผยการเมืองทำนักลงทุนผวา ส่งผลวอล่มหด แต่หากเทียบปี 53 ยังเสียหายกว่ามาก ฟุ้งเตรียมโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นดึงนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพิ่ม ตั้งเป้าหุ้น IPO ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท Market Cap 2.1 แสนล้านบาท ส่วนหุ้น PO คาดถึง 1.8 แสนล้านบาท

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดตลาดต้นปีที่ผ่านมา ยังไม่มีวอลุ่มการซื้อขายมากนักหากเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันกับของปีที่แล้ว โดยเฉลี่ยยอดวอลุ่มซื้อขายต่อวันอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท จากวิกฤตการณ์ปัญหาชุมนุมทางการเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดจำนวนลง ซึ่งเป้าเฉลี่ยวอลุ่มการซื้อขายเดิมอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งคาดว่าหากผ่านครึ่งปีแรกไปแล้ว และสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองลดลงอาจพิจารณาปรับเป้าอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน วอลุ่มการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ที่ปรับตัวลดลงไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น แต่เป็นเช่นเดียวกันกับทุกตลาดหุ้นทั่วโลก จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน เช่น ตลาดหุ้นตุรกี อินเดีย อาร์เจนติน่า และตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยบางตลาดได้เริ่มปรับฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว หลังจากที่ปรับร่วงลดลงถึงจุดต่ำสุด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อดีที่ประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกที่ค่าเงินบาทปรับตัวลดลง และตลาดในยุโรปเริ่มฟื้นตัว และมีกำลังซื้อเข้ามา โดยเฉพาะแนวโน้มกลุ่มประเทศ CLMV คือ จีน ลาว พม่า เวียดนาม จะมีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการต่อยอดโครงการพัฒนากลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง หรือ GMS

แต่อย่างไรก็ดี ในปีนี้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะพัฒนาการลงทุนโดยได้ร่วมกันกับ ก.ล.ต. พิจารณากฎเกณฑ์ต่างๆ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดจนถึงการเชื่อมโยงบริษัทจดทะเบียนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทย (FOREIGN LISTING) ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมที่จะไปโรดโชว์ในต่างประเทศช่วงครึ่งปีหลัง จำนวน 6 ประเทศ จากกำหนดการเดิมที่จะไปประเทศออสเตรเลีย ในเดือนมีนาคมนี้ แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อนจากปัญหาการเมืองในประเทศ ทั้งนี้ ตลาดยังได้เตรียมที่จะขยายฐานกลุ่มนักลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมทั้งได้เตรียมจัดแผนผู้ดูแลสภาพคล่องตลาด ตามความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่น เทรด ออปชัน

ในส่วนของเป้าหุ้นสามัญที่จะออกขายแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO และการรับจดทะเบียนหลักทรัพย์ของบริษัทจากต่างประเทศที่ไม่เคยจดทะเบียนที่ใดมาก่อน (Foreign Listing) ตลอดจนถึงบริษัทจดทะเบียนประเภทโฮลดิ้ง คอมปานี จำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท และหุ้นประเภท PO จะอยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในเร็วๆ นี้ตลาดหุ้นจะเริ่มปรับเปลี่ยนระบบไอทีโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งระบบหุ้น และอนุพันธ์บนพื้นฐานโครงสร้างเดียวกัน โดยมีข้อดีคือ นักลงทุนสามารถเห็นข้อมูลทั้งตลาดหุ้น และตลาดซื้อขายล่วงหน้าไปพร้อมๆ กันได้ในเวลาเดียวกัน

ในส่วนของความกังวลจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งหากตั้งข้อสังเกตจากสถิติที่ผ่านตั้งแต่ต้นปี มีนักลงทุนต่างประเทศเริ่มเทขายหุ้นไทยออกไปตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ทยอยซื้อสะสมมาโดยตลอด โดยเฉลี่ยสะสมที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่กลุ่มประเทศเอเชียด้วยกัน ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก โดยพิจารณาจากการปรับตัวลดลง ซึ่งในช่วงเดียวกันตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปรับตัวลดลงไปกว่า 6 จุด และตลาดหุ้นมาเลเซีย ปรับตัวลดลงไปกว่า 4 จุด

ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตเรตติ้งของประเทศไทยยังดีอยู่มาก ซึ่งเทียบอัตราดอกเบี้ยของบริษัทในต่างประเทศจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยประเทศไทยยังคงมีราคาที่ถูกกว่ามาก และหนี้สาธารณะของไทยยังคงไม่สูงมากหากเทียบกับประเทศอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น