ตลาดหุ้นไทยคาดวิกฤตการเมืองกดวอลุ่มการลงทุนหุ้นไทยดิ่งจาก 6 หมื่นล้านบาท/วัน เหลือ 3.3 หมื่นล้านบาท/วัน รายย่อยเจ็บสุด ปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 45.5% คาดไม่เกินปลายปีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว ตั้งเป้าเพิ่มยอดบัญชีนักลงทุนรายใหม่ให้ได้ 7 หมื่นบัญชี รุกต่างจังหวัด และพัฒนาระบบออนไลน์เทรดมากขึ้น
นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีความจำเป็นที่จะต้องปิดทำการตึกอำนวยการเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน นักลงทุนและผู้ที่มาติดต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ตลท.ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงพยายามที่จะรักษาการซื้อขายเอาไว้ให้ได้ โดยมองแนวโน้มตลาดคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
“โดยหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ และเพื่อที่จะให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน และมีสภาพคล่องที่สามารถจะทำการซื้อขายได้ โดยตลาดจะไม่การันตีกำไร หรือขาดทุนต่อผู้ที่จะเข้ามาลงทุน แต่จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการส่งเสริมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆ ที่มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ”
ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดการซื้อขายตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา เฉลี่ยปริมาณการซื้อขายของ SET INDEX อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาทต่อวัน เปรียบเทียบจากเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2556 ที่มียอดปริมาณการซื้อขายสูงสุดเฉลี่ยที่ 6 หมื่นล้านบาทต่อวัน ประเด็นหลักเนื่องมาจากปัจจัยภายในประเทศในปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่มีผลต่อความวิตกกังวลในการลงทุน โดยนักลงทุนรายย่อยได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่งปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 45.5% รองลงมาคือ นักลงทุนต่างประเทศที่ปรับลดลงเหลือ 32% บัญชี บล.ปรับลดลงเหลือ 13% และนักลงทุนสถาบันปรับลดลงเหลือ 10%
ขณะเดียวกัน ในแผนพัฒนาการลงทุนของ ตลท. ปี 2557 ได้เตรียมที่จะขยายตลาดการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม โดยจะมีการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ยังได้เตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ThaiDR หรือใบสัญญาใช้สิทธิซื้อขายหลักทรัพย์ โดยจะเลือกหลักทรัพย์จากต่างประเทศที่มีความโดดเด่นที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจมาจดทะเบียนซื้อขาย ตามความต้องการของนักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนถึงการวางแผนการตลาดใหม่ด้วยการเน้นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด และปรับปรุงระบบออนไลน์ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนระบบต่างๆ จำนวนมากขึ้น ตลท.จึงได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ในการพัฒนารูปแบบข้อมูลข่าวสารเพื่อการเข้าถึงการลงทุนให้มีความสะดวก และรวดเร็วขึ้น ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้ในทุกที่ โดยเทียบสถิติจากปี 2012 ที่มีนักลงทุนซื้อขายหุ้นผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นถึง 50% ซึ่งสัดส่วนจากปี 2013 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 55.34% โดยวัดจากปริมาณการซื้อขายเป็นหลัก ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตของผู้เปิดบัญชีใหม่จะมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นในทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะที่แนวโน้มเป้าบัญชีนักลงทุนรายใหม่ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 7 หมื่นบัญชี จากยอดบัญชีนักลงทุนทั้งหมด 1.1 ล้านบัญชี ซึ่ง ตลท.คาดว่าจากสถานการณ์ความเสี่ยงจากการชุมนุมทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอนที่ผ่านมา จะสามารถรองรับได้ ซึ่งคาดว่าบรรยากาศการลงทุนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนในครึ่งปีหลัง