“สรรพสามิต” ยอมรับ 2 เดือนแรกปีงบ 57 เก็บรายได้หลุดเป้า 2 พันล้านบาท โอดการเมืองกระทบช่วงไฮซีซัน ฉุดการบริโภควูบ ทั้งเครื่องดื่ม น้ำมัน และบุหรี่ ส่วนการขึ้นภาษีดีเซล 0.005 บาทต่อลิตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลนั้น ตามข้อเสนอของนักวิชาการหรือไม่นั้น คงต้องให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้ตัดสิน
รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 (ต.ค.-พ.ย.56) ต่ำกว่าประมาณการ 2 พันล้านบาท จากประมาณการที่ 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการเก็บภาษีรถยนต์ที่ชะลอลง เนื่องจากสิ้นสุดโครงการรถคันแรก และการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่ทำได้ต่ำกว่าคาดการณ์
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ยอมรับว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมในช่วง 2 เดือนแรก ในปีงบประมาณ 2557 มีแนวโน้มไม่ดี เนื่องจากการจัดเก็บภาษีจากการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์ และอื่นๆ รวมถึงสุราอยู่ในช่วงชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ชะงัก หลังจากนักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งส่งผลให้การอุปโภคบริโภคสินค้าดังกล่าวซึ่งเป็นฐานภาษีที่สำคัญของกรม ได้รับผลกระทบไปด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ในส่วนภาษีรถยนต์ที่ชะลอตัวลง เนื่องจากสิ้นสุดโครงการรถคันแรก แต่ยืนยันว่า การชะลอลงดังกล่าวไม่ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เป็นเพียงการกลับมาเติบโตในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา การจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่เติบโตในระดับสูงเพราะได้แรงกระตุ้นจากนโยบายของรัฐในช่วงสั้นๆ เท่านั้น
“ที่จริงแล้วรอบการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพาสามิต ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2556 และ ม.ค.2557 ถือเป็นช่วงไฮซีซันเลย เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนทั้งใน และนอกประเทศเดินทางท่องเที่ยวใช้จ่ายอุปโภคบริโภค รวมถึงยังเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ทุกอย่างหยุดชะงักลง น่าจะมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทยด้วย ซึ่งตามสถิติในปีที่ผ่านๆ มา กรมจัดเก็บภาษีในช่วงนี้ได้เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้คงต้องพิจารณาในระยะยาว เพราะการจัดเก็บรายได้จากภาษีของกรมส่วนใหญ่ขึ้นอยู่ตามทิศทางการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก”
สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ในปีงบประมาณ 2557 อยู่ที่ 4.63 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเต็มที่ มีการหารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องถึงแนวโน้มธุรกิจ ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง จนทำให้มีการปิดสถานที่ราชการสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังนั้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรมมากนัก โดยทุกส่วนยังดำเนินงานได้ แต่อาจไม่เต็มศักยภาพ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้อง
นายสมชาย กล่าวเสริมว่า ในส่วนที่นักวิชาการ และสถาบันการศึกษาหลายแห่งเสนอแนะให้รัฐบาลมีการปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.005 บาทต่อลิตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลนั้น คงไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของนโยบายจากทางรัฐบาล ซึ่งกรมมีหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 0.005 บาทต่อลิตร จากเดิมที่ 5.31 บาทต่อลิตรนั้น ส่งผลกระทบให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้จากมาตรการดังกล่าว เฉลี่ยเดือนละ 9 พันล้านบาท สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 2556 อยู่ที่ 4.3 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 4.1 แสนล้านบาท
