แบงก์ชาติเดินหน้าผ่อนคลายเกณฑ์การนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศของคนไทยระยะที่ 2 ในปี 57 ฝ่ากระแสเงินทุนโลกผันผวน เหตุมีแผนฉุกเฉินรับมือไว้แล้ว ลั่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนไทย เล็งให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศเป็นสกุลต่างประเทศ พร้อมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยซื้อหุ้น-ตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยไม่ผ่านตัวกลาง
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ในส่วนของแนวทางการผ่อนคลายการเคลื่อนย้ายเงินทุน ระยะที่ 2 ว่า จากการประเมินภาพรวมของการนำเงินออกนอกประเทศเพื่อไปลงทุนของนิติบุคคล และบุคคลธรรมดาของไทยแล้ว เห็นว่าในปี 2557 ธปท.สามารถที่จะผ่อนคลายเกณฑ์เงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มเติมตามแผนเดิม แม้ว่าอาจต้องเผชิญการเคลื่อนย้ายเงินทุน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน เนื่องจาก ธปท.ก็มีแผนที่จะรับมือในยามฉุกเฉิน และที่ผ่านมา ธปท.ได้พยายามลดความผันผวนของการไหลเข้าออกที่รวดเร็วของเงินทุนต่างชาติเท่าที่จำเป็นมาตลอด
“แม้ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยจะอยู่ในทิศทางอ่อนค่าลง แต่เราไม่ได้ต้องการให้ความผันผวนของค่าเงินบาทที่อาจจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า หรือการไหลออกของเงินทุนต่างชาติมาเป็นอุปสรรคในเรื่องนี้ เพราะเกณฑ์เรื่องนำเงินออกที่เราจะผ่อนคลายในระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2557 นั้น เป็นเกณฑ์สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนให้หุ้นต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดเสรีเงินทุนตามแนวทางของการรวมกันเป็นประชาคมอาเซียน” นางจันทวรรณ กล่าวและว่า ปัจจัยสำคัญของเงินทุนในปีหน้ายังเป็นปัจจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับลดวงเงินในการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงปี 2555-2556 ที่ผ่านมา ธปท.ได้มีการผ่อนคลายมาตรการการในส่วนของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยให้สามารถนำเงินไปลงทุนโดยตรง เช่น การซื้อกิจการธุรกิจในต่างประเทศ หรือตั้งโรงงานในต่างประเทศได้โดยไม่จำกัดจำนวน ขณะที่การลงทุนให้หลักทรัพย์ต่างประเทศทั้งหุ้น และตราสารหนี้ในต่างประเทศนั้น สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน 9 ประเภทที่ ธปท.กำหนดนั้น สามารถนำเงินไปลงทุนได้โดยไม่จำกัดจำนวน
ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อย หรือบุคคลธรรมดานั้นสามารถลงทุนได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องผ่านตัวกลาง เช่น บริษัทหลักทรัพย์ หรือกองทุน นอกจากนั้น ยังได้ขยายวงเงินของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ที่จะซื้อเงินตราต่างประเทศสะสมไว้ในบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การใช้หนี้ การส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ได้ตามภาระที่มีจริงโดยไม่กำหนดระยะเวลาด้วย รวมทั้งยังได้อำนวยความสะดวกในการป้องกันความเสี่ยงความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจ โดยสามารถยกเลิกการป้องกันความเสี่ยงในราคาเดิมที่ทำได้ ในกรณีที่ค่าเงินผันผวนส่งผลให้เกิดผลขาดทุน เป็นต้น
ส่วนการผ่อนคลายเกณฑ์เงินทุนขาออกเพิ่มเติม ในระยะที่ 2 นั้น เป็นการอำนวยความสะดวกในการกระจายการลงทุนของนักลงทุนไทย ควบคู่กับการให้ความรู้ในด้านการลงทุนในต่างประเทศและการดูแลความเสี่ยงของตัวเองจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท โดยมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่อนคลาย ประกอบด้วย การอนุญาตให้บุคคลธรรมดาซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศได้ และอนุญาตให้บุคคลธรรมดาที่มีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุน สามารถซื้อหุ้น และตราสารหนี้ในต่างประเทศได้โดยไม่ผ่านตัวกลางและไม่จำกัดวงเงิน
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ในส่วนของแนวทางการผ่อนคลายการเคลื่อนย้ายเงินทุน ระยะที่ 2 ว่า จากการประเมินภาพรวมของการนำเงินออกนอกประเทศเพื่อไปลงทุนของนิติบุคคล และบุคคลธรรมดาของไทยแล้ว เห็นว่าในปี 2557 ธปท.สามารถที่จะผ่อนคลายเกณฑ์เงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มเติมตามแผนเดิม แม้ว่าอาจต้องเผชิญการเคลื่อนย้ายเงินทุน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน เนื่องจาก ธปท.ก็มีแผนที่จะรับมือในยามฉุกเฉิน และที่ผ่านมา ธปท.ได้พยายามลดความผันผวนของการไหลเข้าออกที่รวดเร็วของเงินทุนต่างชาติเท่าที่จำเป็นมาตลอด
“แม้ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยจะอยู่ในทิศทางอ่อนค่าลง แต่เราไม่ได้ต้องการให้ความผันผวนของค่าเงินบาทที่อาจจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า หรือการไหลออกของเงินทุนต่างชาติมาเป็นอุปสรรคในเรื่องนี้ เพราะเกณฑ์เรื่องนำเงินออกที่เราจะผ่อนคลายในระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2557 นั้น เป็นเกณฑ์สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนให้หุ้นต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดเสรีเงินทุนตามแนวทางของการรวมกันเป็นประชาคมอาเซียน” นางจันทวรรณ กล่าวและว่า ปัจจัยสำคัญของเงินทุนในปีหน้ายังเป็นปัจจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับลดวงเงินในการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงปี 2555-2556 ที่ผ่านมา ธปท.ได้มีการผ่อนคลายมาตรการการในส่วนของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยให้สามารถนำเงินไปลงทุนโดยตรง เช่น การซื้อกิจการธุรกิจในต่างประเทศ หรือตั้งโรงงานในต่างประเทศได้โดยไม่จำกัดจำนวน ขณะที่การลงทุนให้หลักทรัพย์ต่างประเทศทั้งหุ้น และตราสารหนี้ในต่างประเทศนั้น สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน 9 ประเภทที่ ธปท.กำหนดนั้น สามารถนำเงินไปลงทุนได้โดยไม่จำกัดจำนวน
ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อย หรือบุคคลธรรมดานั้นสามารถลงทุนได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องผ่านตัวกลาง เช่น บริษัทหลักทรัพย์ หรือกองทุน นอกจากนั้น ยังได้ขยายวงเงินของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ที่จะซื้อเงินตราต่างประเทศสะสมไว้ในบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การใช้หนี้ การส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ได้ตามภาระที่มีจริงโดยไม่กำหนดระยะเวลาด้วย รวมทั้งยังได้อำนวยความสะดวกในการป้องกันความเสี่ยงความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจ โดยสามารถยกเลิกการป้องกันความเสี่ยงในราคาเดิมที่ทำได้ ในกรณีที่ค่าเงินผันผวนส่งผลให้เกิดผลขาดทุน เป็นต้น
ส่วนการผ่อนคลายเกณฑ์เงินทุนขาออกเพิ่มเติม ในระยะที่ 2 นั้น เป็นการอำนวยความสะดวกในการกระจายการลงทุนของนักลงทุนไทย ควบคู่กับการให้ความรู้ในด้านการลงทุนในต่างประเทศและการดูแลความเสี่ยงของตัวเองจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท โดยมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาผ่อนคลาย ประกอบด้วย การอนุญาตให้บุคคลธรรมดาซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศได้ และอนุญาตให้บุคคลธรรมดาที่มีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุน สามารถซื้อหุ้น และตราสารหนี้ในต่างประเทศได้โดยไม่ผ่านตัวกลางและไม่จำกัดวงเงิน