“อีซี่ทรัส” มองมุมต่างการเมืองร้อนแรงฉุดดีมานด์โครงสร้างหลังคาหด ส่งผลราคาเหล็กรูปพรรณตนทุนวัตถุดิบต้นน้ำโครงสร้างหลังคาหดตัว การแข่งขันสูง บีบผู้ประกอบการยืนราคาขายเดิม ส่งผลบวกต่อผู้บริโภคได้สินค้าราคาถูก ด้าน “อีซี่ทรัส” แจงออเดอร์ลด แต่ไม่กระทยอดขายปี 56 พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ชดเชยยอดขายที่หายไป คาดปี 57 ยอดขายขยายตัว 15% โตในอัตราที่ลดลงจากปี 56 ที่ขยายตัวกว่า 20%
นายสรพน ศรีรุ่งสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮ้าส์เฟรนด์ลี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายโครงสร้างหลังค้าเหล็กแบบถักกึ่งสำเร็จรูป แบรนด์ “อีซี่ทรัส” กล่าวว่า ผลกระทบจากปัญหาการเมืองในขณะนี้แม้จะกระบทต่อการชะลอคำสั่งซื้อโครงสร้างหลังคาบ้าน จากบริษัทกลุ่มรับสร้างบ้าน และโครงการหมู่บ้านจัดสรร เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน และซื้อบ้านในโครงการจัดสรรในบางส่วน ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการทั้ง 2 ธุรกิจต้องชะลอ และลดจำนวนการสั่งซื้อโครงสร้างหลังคาบ้านลงไปในช่วงนี้ แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภคทำให้สามารถซื้อโครงสร้างหลังคาบ้านได้ในราคาเท่าเดิม หรืออาจจะมีการปรับลดลงไปต่ำกว่าราคาขายเดิม
เนื่องจากผลกระทบการเมืองทำให้ผู้ผลิต และค้าเหล็กแปรรูป ทั้งที่มีการสั่งนำเข้า และผลิตเองไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายได้ ประกอบกับแนวโน้มราคาเหล็กแปรรูปในตลาดโลกยังอยู่ในทิศทางขาลง ซึ่งหมายถึงต้นทุนตั้งแต่ต้นน้ำมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับตลาดเหล็กแปรรูปในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการแข่งขัน ไม่ได้มีผู้ผูกขาด หรือกำหนดราคาขายได้เองโดยผู้ประกอบการ ทำให้ต้นทุนเหล็กแปรรูปมีโอกาสปรับลดลงไปจากปัจจุบันได้อีก ซึ่งถือว่าเป้นผลดีต่อผู้บริโภคทำให้ซื้อสินค้าได้ในราคาถูก
ทั้งนี้ การลดลงของออเดอร์ในช่วงปลายปีนี้ จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทภายในปี 56 เนื่องจากช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้เป็นช่วงของการผลิตโครงสร้างหลังคาตามออเดอร์ หรือคำสั่งซื้อของช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้า แต่การชะลอคำสั่งซื้อในช่วงนี้จะไปส่งผลกระทบต่อยอดขายในไตรมาส 2-3 ของปีหน้า ทำให้ในช่วงปลายปีนี้บริษัทต้องมีการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ๆ เช่น การหากลุ่มลูกค้าโครงการบ้านจัดสรร ที่นอกเหนือจากลูกค้ารายเดิมๆ ที่เป็นลูกค้าประจำ เพื่อชดเชยกับยอดขายที่จะหายไปในช่วงนี้
สำหรับลูกค้าโครงการจัดสรรรายใหม่ของบริษัท ซึ่งจะช่วยผลักดันให้วอลุ่มของยอดขายในอนาคตของบริษัทขยายตัวได้ดี เช่น บริษัท ลลิล พร็อเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โครงการคุณาลัย เป็นต้น โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่อย่างเช่น บริษัท ลลิลฯ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับเปลี่ยนจากการใช้โครงสร้างหลังคาระบบเหล็กรูปพรรณ ซึ่งต้องใช้แรงงาน และระยะเวลาในการติดตั้งมากกว่า ระบบโครงถักกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งบริษัทเป็นผู้จำหน่ายให้ เนื่องจากระบบโครงถักนั้นสามารถช่วยในการลดต้นทุนแรงงาน และระยะเวลาในการติดตั้งดีมากกว่า
นายสรพน กล่าวว่า ลลิลฯ อยู่ระหว่างการเพิ่มคำสั่งซื้อโครงสร้างหลังคาของบริษัทเข้าไปใช้ในโครงการให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการใช้โครงสร้างหลังคาของบริษัทอยู่ 5-6 โครงการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการจัดสรรนั้นมีการพัฒนายูนิตต่อดครงการในจำนวนมากทำให้ ลลิลฯ ยังกังวลว่า ทางบริษัทจะไม่สามารถส่งสินค้าได้ทันตามจำนวนคำสั่งซื้อ จึงทยอยการสั่งซื้อเข้ามาโดยไม่ได้ใช้สินค้าของบริษัทในทุกโครงการ ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าบริษัทจึงกันกำลังการผลิตประมาณ 30% ไว้รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตทั้งจากโครงการจัดสรรและ บริษัทรับสร้างบ้าน
“โครงการจัดสรรนั้นมีวอลุ่มให้เรา แต่ราคาที่เราส่งให้นั้นไม่สูง ทำให้มาจิ้นไม่สูงนัก ดังนั้น บริษัทจึงยังต้องคงรักษาสัดส่วนลูกค้าจากบริษัทรับสร้างบ้าน และบ้านจัดสรรไว้ในระดับที่เหมาะสม”
สำหรับในปี 2556 นี้ บริษัทยังคงอัตราการเติบโตของยอดขายไว้เท่าเดิมคือ จะมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากปีก่อนหน้าที่ 20% ส่วนในปี2557 นั้น เชื่อว่าอัตราการขยายตัวของตลาดยังดีอยู่แต่อาจจะหดลงบ้านเล้กน้อย ดังนั้น บริษัทจึงประมาณการยอดขายว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% ซึ่งแม้ว่าจะตำกว่าในปีนี้แต่ก็ยังอยู่ในภาวะของการขยายตัวต่อจากปีที่แล้ว
