บล.ไทยพาณิชย์ ชี้ตลาดหุ้นไทยทรุดเหตุนักลงทุนต่างชาติหมดความเชื่อมั่นรัฐบาล ขาดเสถียรภาพรุนแรงต่อเนื่อง ปรับเป้าตลาดหุ้นเหลือ 1,300 จุด ไม่โตตามคาด เผยกลุ่มท่องเที่ยวบริการ และโรงแรมไตรมาส 4 ขาดทุนยับ เหตุนักท่องเที่ยวย้ายหนีไปยังประเทศอื่น
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จากปัจจัยลบภายในประเทศในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จึงไม่ลงทุนในระยะนี้ โดยส่วนใหญ่จะขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน โดยในระยะแรกที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยออกไปนั้น เป็นผลกระทบมาจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE และในระยะหลังที่ดัชนี SET INDEX ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นมาจากความกังวลต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ และโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จึงหันไปลงทุนยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความเสียงน้อยกว่า ทั้งยังจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ เช่น ประเทศจีน และในทวีปยุโรป โดยบริษัทได้ปรับเป้าประมาณการในไตรมาส 4 จากเดิมที่ประมาณ 1,400 จุด เหลือเพียงประมาณ 1,300 จุด
“แต่อย่างไรก็ดี สถานการณ์รุนแรงทางการเมืองในขณะนี้ หากเทียบกับที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2553 นั้นมีความรุนแรงน้อยกว่ามาก ซึ่งในขณะนั้นดัชนี SET INDEX ปรับตัวลดลงกว่า 100 จุดภายในวันเดียว ถึงขนาดที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน และความเชื่อมั่นในประเทศไทยอย่างมาก ทั้งในส่วนของค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงตามภาวะตลาดนั้น จะเป็นผลดีต่อต่อกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาปัจจัยการเมืองภายในประเทศว่าจะยืดเยื้อต่อไปนานแค่ไหน ซึ่งจะมีผลต่อการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติด้วย”
ขณะเดียวกัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงนี้ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ กลุ่มโรงแรม กลุ่มขนส่ง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่นิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงปลายปี จะเปลี่ยนไปท่องเที่ยวยังประเทศอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทำให้ประเทศสูญเสียเม็ดเงินจากภาคอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ไปเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีข่าวที่นักท่องเที่ยวได้รับอันตรายจากการชุมนุมก็ตาม
