หุ้นไทยปิดตลาดบวก 3.13 จุด อยู่ที่ระดับ 1,374.26 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,455.14 ล้านบาท จากสถานการความรุนแรงของการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 ธ.ค.) ปิดที่ระดับ 1,374.26 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.13 จุด หรือ +0.23 มูลค่าการซื้อขาย 32,455.14 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,374.46 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,351.67 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์สัปดาห์หน้าอ่อนตัวลง เหตุการเมืองรุนแรง กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 300 หลักทรัพย์ ลดลง 379 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 194 หลักทรัพย์
การซื้อขายสุทธิแยกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,796.51 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,620.62 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 2,963.57 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ -6,380.70 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1.BAY ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น +0.25 บาท หรือ +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 2,145,897 ลบ.
2.KBANK ปิดที่ 166.50 บาท ลดลง -2.50 บาท หรือ -1.48% มูลค่าการซื้อขาย 2,038,342 ลบ.
3.AOT ปิดที่ 183.00 บาท ลดลง -4.50 บาท หรือ -2.40% มูลค่าการซื้อขาย 1,861,868 ลบ.
4.TRUEปิดที่ 8.75 บาท ลดลง -0.05 บาท หรือ -0.57% มูลค่าการซื้อขาย 1,339,873 ลบ.
5.SCB ปิดที่ 155.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 1,284,673 ลบ.
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต กล่าวว่าดัชนี SET INDEX ปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาด จากความรุนแรงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับลดลงแรง ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคาร คือ KBANK, SCB, KTB ที่มีสภาพคล่องสูงรองรับกระแสเงินทุนไหลออก รวมไปถึงได้รับแรงกดดันจากการปรับลดดอกเบี้ยลง ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เช่น AOT ที่ประกาศกําไรในไตรมาสที่ 4 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยความรุนแรงทางการเมืองในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ จึงชะลอการลงทุนระยะสั้นออกไปก่อน ในส่วนของการลงทุนระยะยาวซึ่งไม่ได้รับผลกระทบนั้น โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองจํากัด และมีพื้นฐานดี ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร เช่น ADVANC, INTUCH, THCOM หุ้นกลุ่มขนส่งที่มีผลประกอบการดี เช่น BTS และหุ้นกลุ่มที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูงเ ช่น CPN, TICON รวมไปถึงหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง คือ TUF
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ผันผวน โดยเคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและแดนลบในกรอบเเคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยอะไรมากระตุ้นตลาดช่วงนี้ ฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนถือหุ้น 40% และเลือกซื้อหุ้นประเภทปันผล ทั้งนี้ คาดว่าในสัปดาห์หน้าดัชนีแนวรับจะอยู่ที่ประมาณ 1,352 จุด