“กิตติรัตน์” มองการชุมนุมฯ ยึดสถานที่ราชการเป็นสิ่งที่เกินเลย อาจกระทบความเชื่อมั่น พร้อมคาดหวังจะไม่ยืดเยื้อ ส่วนการเจ๊งโครงการจำนำข้าวที่ใช้เงินมหาศาลก็ไม่ต่างอะไรกับโครงการอื่นๆ ที่ทำมากกว่า 20 ปี รัฐบาลมีเงินพอแก้ปัญหา
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น หากการชุมนุมสงบเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย แต่การเข้าไปยึดสถานที่ราชการเริ่มเป็นเรื่องที่เกินเลยจากการชุมนุมโดยสงบ ถึงแม้ยังไม่ส่งผลกระยะสั้นให้การทำงานของหน่วยงานราชการสะดุด แต่ประสิทธิภาพการทำงานย่อมได้รับผลกระทบด้วย และในระยะปานกลาง ก็จะได้รับผลกระทบโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ตนยังมีความหวังว่าจะมีการชุมนุมทางการเมืองจะถูกแก้ไขได้โดยเร็ว และไม่ยืดเยื้อ
“การชุมนุมทางการเมืองนั้นทำได้ แต่การเข้ายึดสถานที่ราชการอาจเป็นสิ่งที่เกินเลยไป ทั้งนี้ การพูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศมีการพูดถึงสถานการณ์การเมืองบ้าง แต่เขายังไม่กังวลเกินไป และยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถเติบโตได้ปี 2557 แต่จะไม่ใช้เรื่องที่จะง่ายนักต้องอาศัยความร่วมมือของภาครัฐบาล และเอกชน”
ส่วนสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมีแนวโน้มจะปรับลดความน่าเชื่อถือของไทยนั้น มองว่าหากเครดิตของประเทศไทยที่ไม่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้นเป็นเพราะปัญหาการเมือง และไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งเราก็พยายามประคองให้ไปในทิศทางให้ดีขึ้น ซึ่งเขาประเมินอย่างไรก็ต้องยอมรับ ใครจะทำอะไรช่วยเหลือประเทศชาติได้ก็ต้องทำ
ทั้งนี้ ตนมองว่าการประท้วงต่างๆ ถ้ามีประเด็นที่ชัดเจนก็สามารถขับเคลื่อนได้ เหมือนใน 2 สัปดาห์ที่แล้ว มีการประท้วงพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม มีความชัดเจนก็ว่ากันไป แต่หากการประท้วงมีความไม่ชัดเจน อาจส่งผลให้ต่างประเทศก็น่าจะไม่มีความเชื่อมั่น
ส่วนโครงการรับจำนำข้าวหลายฝ่ายมองว่าเป็นโครงการที่ใช้เงินมหาศาลหากมีการขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งตนมองว่า โครงการับจำนำข้าวก็ไม่ต่างอะไรกับโครงการอื่นที่ทำมากกว่า 20 ปี สัดส่วนการขาดทุนเมื่อเทียบงบประมาจำปี และจีดีพีประเทศไม่ได้เติบโตมากขึ้นที่ใช้ดูแล ซึ่งเราดูแลได้เพราะสภาพคล่องระบบการเงินเรามีมากพอ ซึ่งเรามีความเข้มแข็งทางการคลังรับมือได้
